แชร์

FOMO vs JOMO ความแตกต่างของพฤติกรรมในยุคดิจิทัล

ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
อัพเดทล่าสุด: 11 ม.ค. 2025
494 ผู้เข้าชม

FOMO vs JOMO ความแตกต่างของพฤติกรรมในยุคดิจิทัล

 

ในยุคที่โซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น เราจะได้ยินคำสองคำนี้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ FOMO และ JOMO ซึ่งเป็นคำที่สะท้อนถึงพฤติกรรมที่แตกต่างกันของผู้คนในสังคม

 

FOMO (Fear of Missing Out) หรือ กลัวพลาด

ความหมาย: คือความรู้สึกกลัวที่จะพลาดอะไรบางอย่างที่น่าสนใจหรือสำคัญ เช่น ปาร์ตี้สนุกๆ เทรนด์ใหม่ๆ ข่าวสารล่าสุด หรือประสบการณ์ดีๆ ที่คนอื่นได้สัมผัส

พฤติกรรม: ผู้ที่มีพฤติกรรม FOMO มักจะ

  • ติดตามโซเชียลมีเดียตลอดเวลา
  • ต้องการอัพเดทข่าวสารอยู่เสมอ
  • รู้สึกกังวลเมื่อไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรที่เป็นที่นิยม
  • มักจะเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

 

JOMO (Joy of Missing Out) หรือ ความสุขที่ได้พลาด

ความหมาย: คือความรู้สึกมีความสุขกับการได้อยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดอะไรไปบ้าง

พฤติกรรม: ผู้ที่มีพฤติกรรม JOMO มักจะ

  • ใช้เวลากับกิจกรรมที่ตนเองชอบ
  • ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
  • ไม่รู้สึกกดดันที่จะต้องตามเทรนด์
  • มีความสุขกับความเรียบง่ายในชีวิต

 

สรุปความแตกต่าง

 

ทั้ง FOMO และ JOMO เป็นพฤติกรรมที่พบได้ทั่วไปในสังคม และไม่มีถูกหรือผิด ขึ้นอยู่กับว่าพฤติกรรมนั้นส่งผลต่อคุณอย่างไร หากคุณรู้สึกว่าพฤติกรรม FOMO ทำให้คุณเครียดและวิตกกังวล ลองหันมาลองฝึกปฏิบัติตัวแบบ JOMO บ้าง อาจจะช่วยให้คุณมีชีวิตที่สมดุลและมีความสุขมากขึ้น

 
 


บทความที่เกี่ยวข้อง
Hyper-Personalized Delivery: มัดใจลูกค้าด้วยการขนส่งที่ "รู้ใจ" และ "เลือกได้"
จบปัญหา "มาส่งตอนไม่อยู่" สู่ยุคที่ "ลูกค้าเป็นคนคุมเกม" เคยไหมครับ? สั่งของไปแล้วต้องมานั่งลุ้นว่าขนส่งจะโทรมาตอนไหน พอโทรมาก็ดันติดประชุม หรือพอของมาถึงก็ไม่มีคนอยู่บ้านจนต้องตีของกลับ... นี่คือ Pain Point คลาสสิกที่ทำลายประสบการณ์การซื้อของออนไลน์มานานนับสิบปี แต่ในปี 2025 ยุคที่ "ลูกค้าคือพระเจ้า" อย่างแท้จริง การขนส่งแบบเดิมที่กำหนดเวลาตายตัว (8.00 - 17.00 น.) กำลังจะตายไป และถูกแทนที่ด้วยเทรนด์ใหม่ที่เรียกว่า "Hyper-Personalized Delivery" หรือ การขนส่งแบบรู้ใจเฉพาะบุคคล วันนี้ BS Group จะพาคุณไปดูว่า เมื่อการตลาดและโลจิสติกส์มาเจอกัน มันจะเปลี่ยนการส่งของธรรมดา ให้กลายเป็น "บริการที่ลูกค้ารัก" ได้อย่างไร?
ลูกดิว เด็กฝึกงาน
17 ธ.ค. 2025
The Unboxing Experience: สร้างความประทับใจแรกพบ เมื่อ "กล่องพัสดุ" คือเซลส์แมนคนสุดท้าย
ในยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติ หลายแบรนด์ทุ่มงบประมาณมหาศาลไปกับการยิงโฆษณา การทำคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย หรือการจ้างอินฟลูเอนเซอร์เพื่อดึงลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์ แต่มีจุดหนึ่งที่หลายคนมักมองข้าม—จุดที่สำคัญที่สุดเมื่อสินค้าเดินทางไปถึงมือลูกค้า นั่นคือ "วินาทีแห่งการแกะกล่อง" (The Unboxing Experience) ทำไมกล่องพัสดุธรรมดาๆ ถึงถูกเปรียบเปรยว่าเป็น "เซลส์แมนคนสุดท้าย" และเราจะเปลี่ยนกล่องกระดาษสีน้ำตาลให้กลายเป็นเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลังได้อย่างไร? มาหาคำตอบกันครับ
ร่วมมือ.jpg Contact Center
13 ธ.ค. 2025
FOMO Marketing: ศิลปะการกระตุ้นความ "เสียดาย" ให้กลายเป็น "ยอดขาย" แบบเนียน ๆ (ไม่ยัดเยียด)
เคยไหม? ที่คุณไม่ได้ตั้งใจจะซื้อของชิ้นนั้น แต่พอเห็นป้าย "เหลือ 2 ชิ้นสุดท้าย" หรือเพื่อนในโซเชียลเริ่มแชร์กันเต็มหน้าฟีด จู่ๆ มือของคุณก็กดสั่งซื้อไปโดยอัตโนมัติ... นี่คือกำลังของ FOMO (Fear of Missing Out) หรือ "ความกลัวที่จะตกขบวน" ในโลกการตลาด FOMO คืออาวุธที่ทรงพลังมาก แต่ถ้าใช้ไม่เป็น มันจะกลายเป็น "ดาบสองคม" ที่ทำให้แบรนด์ดูน่ารำคาญและยัดเยียดทันที วันนี้เราจะมาเจาะลึกเทคนิคการใช้ FOMO Marketing ให้ดู Classy ดูแพง และกระตุ้นลูกค้าได้แบบแยบยลครับ
ร่วมมือ.jpg Contact Center
10 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ