แชร์

FOMO vs JOMO ความแตกต่างของพฤติกรรมในยุคดิจิทัล

ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
อัพเดทล่าสุด: 11 ม.ค. 2025
486 ผู้เข้าชม

FOMO vs JOMO ความแตกต่างของพฤติกรรมในยุคดิจิทัล

 

ในยุคที่โซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น เราจะได้ยินคำสองคำนี้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ FOMO และ JOMO ซึ่งเป็นคำที่สะท้อนถึงพฤติกรรมที่แตกต่างกันของผู้คนในสังคม

 

FOMO (Fear of Missing Out) หรือ กลัวพลาด

ความหมาย: คือความรู้สึกกลัวที่จะพลาดอะไรบางอย่างที่น่าสนใจหรือสำคัญ เช่น ปาร์ตี้สนุกๆ เทรนด์ใหม่ๆ ข่าวสารล่าสุด หรือประสบการณ์ดีๆ ที่คนอื่นได้สัมผัส

พฤติกรรม: ผู้ที่มีพฤติกรรม FOMO มักจะ

  • ติดตามโซเชียลมีเดียตลอดเวลา
  • ต้องการอัพเดทข่าวสารอยู่เสมอ
  • รู้สึกกังวลเมื่อไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรที่เป็นที่นิยม
  • มักจะเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

 

JOMO (Joy of Missing Out) หรือ ความสุขที่ได้พลาด

ความหมาย: คือความรู้สึกมีความสุขกับการได้อยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดอะไรไปบ้าง

พฤติกรรม: ผู้ที่มีพฤติกรรม JOMO มักจะ

  • ใช้เวลากับกิจกรรมที่ตนเองชอบ
  • ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
  • ไม่รู้สึกกดดันที่จะต้องตามเทรนด์
  • มีความสุขกับความเรียบง่ายในชีวิต

 

สรุปความแตกต่าง

 

ทั้ง FOMO และ JOMO เป็นพฤติกรรมที่พบได้ทั่วไปในสังคม และไม่มีถูกหรือผิด ขึ้นอยู่กับว่าพฤติกรรมนั้นส่งผลต่อคุณอย่างไร หากคุณรู้สึกว่าพฤติกรรม FOMO ทำให้คุณเครียดและวิตกกังวล ลองหันมาลองฝึกปฏิบัติตัวแบบ JOMO บ้าง อาจจะช่วยให้คุณมีชีวิตที่สมดุลและมีความสุขมากขึ้น

 
 


บทความที่เกี่ยวข้อง
FOMO Marketing: ศิลปะการกระตุ้นความ "เสียดาย" ให้กลายเป็น "ยอดขาย" แบบเนียน ๆ (ไม่ยัดเยียด)
เคยไหม? ที่คุณไม่ได้ตั้งใจจะซื้อของชิ้นนั้น แต่พอเห็นป้าย "เหลือ 2 ชิ้นสุดท้าย" หรือเพื่อนในโซเชียลเริ่มแชร์กันเต็มหน้าฟีด จู่ๆ มือของคุณก็กดสั่งซื้อไปโดยอัตโนมัติ... นี่คือกำลังของ FOMO (Fear of Missing Out) หรือ "ความกลัวที่จะตกขบวน" ในโลกการตลาด FOMO คืออาวุธที่ทรงพลังมาก แต่ถ้าใช้ไม่เป็น มันจะกลายเป็น "ดาบสองคม" ที่ทำให้แบรนด์ดูน่ารำคาญและยัดเยียดทันที วันนี้เราจะมาเจาะลึกเทคนิคการใช้ FOMO Marketing ให้ดู Classy ดูแพง และกระตุ้นลูกค้าได้แบบแยบยลครับ
ร่วมมือ.jpg Contact Center
10 ธ.ค. 2025
Logistics 5.0: เมื่อ AI และ Big Data เข้ามาปฏิวัติวงการขนส่ง นักการตลาดยุคใหม่ต้องปรับตัวอย่างไร?
เมื่อ "หลังบ้าน" กลายเป็นอาวุธลับของ "หน้าบ้าน" ในอดีต นักการตลาดมีหน้าที่แค่ "ทำให้คนอยากได้" ส่วนหน้าที่การ "ส่งของให้ถึงมือ" เป็นเรื่องของฝ่ายขนส่งที่แยกส่วนกันอย่างชัดเจน แต่ในปี 2025 เส้นแบ่งนั้นได้จางหายไปแล้วครับ เข้าสู่ยุค Logistics 5.0 ยุคที่การขนส่งไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยแรงงานเพียงอย่างเดียว แต่ขับเคลื่อนด้วย AI (ปัญญาประดิษฐ์) และ Big Data (ข้อมูลมหาศาล) ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้กำลังเปลี่ยนโลกของการขายของออนไลน์ไปตลอดกาล คำถามคือ... นักการตลาดยุคใหม่จะปรับตัวอย่างไร? และจะใช้ประโยชน์จากคลื่นลูกใหม่นี้เพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งได้อย่างไร? วันนี้ BS Group มีคำตอบครับ
ลูกดิว เด็กฝึกงาน
10 ธ.ค. 2025
ทำ Content โลจิสติกส์ให้เข้าใจง่าย
กลยุทธ์สร้างคอนเทนต์โลจิสติกส์ให้อ่านง่าย เห็นภาพจริง เพิ่มความน่าเชื่อถือ และทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้เร็วขึ้น เหมาะสำหรับบริษัทขนส่งและผู้ทำการตลาดสายโลจิสติกส์
ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
9 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ