แชร์

IoT ในโลจิสติกส์ การติดตามและควบคุมสินค้าแบบเรียลไทม์

อัพเดทล่าสุด: 5 พ.ย. 2024
1387 ผู้เข้าชม

IoT ในโลจิสติกส์ การติดตามและควบคุมสินค้าแบบเรียลไทม์


Internet of Things (IoT) หรืออินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติวงการโลจิสติกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการติดตามและควบคุมสินค้าแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้ามากขึ้น


IoT ทำงานอย่างไรในโลจิสติกส์?

IoT ทำงานโดยการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เช่น เซ็นเซอร์, แท็ก RFID, และอุปกรณ์ติดตามเข้ากับอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและพาหนะได้แบบเรียลไทม์ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการขนส่งและการจัดเก็บสินค้า ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจและวางแผนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


ประโยชน์ของ IoT ในโลจิสติกส์

  • การติดตามสินค้าแบบเรียลไทม์: สามารถติดตามตำแหน่งและสภาพของสินค้าได้ตลอดเวลา ทำให้ทราบสถานะของสินค้าว่าอยู่ในขั้นตอนใดของการขนส่ง
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: ช่วยให้การทำงานในคลังสินค้าและการขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดเวลาในการค้นหาสินค้าและลดความผิดพลาด
  • ลดต้นทุน: ช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน เช่น ค่าเชื้อเพลิง ค่าแรงงาน และค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสินค้า
  • เพิ่มความปลอดภัย: ช่วยให้สามารถตรวจสอบสภาพของสินค้าได้ตลอดเวลา เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และแรงสั่นสะเทือน ทำให้มั่นใจได้ว่าสินค้าจะถึงมือผู้รับในสภาพที่สมบูรณ์
  • ปรับปรุงการบริการลูกค้า: สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของสินค้าแก่ลูกค้าได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที ทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากขึ้น
     

ตัวอย่างการนำ IoT มาใช้ในโลจิสติกส์

  • การติดตามรถบรรทุก: ติดตั้งเซ็นเซอร์บนรถบรรทุกเพื่อติดตามตำแหน่ง ความเร็ว และสภาพของรถ
  • การติดตามสินค้าในคลังสินค้า: ใช้ RFID หรือเซ็นเซอร์อื่นๆ ติดตามสินค้าในคลังสินค้า เพื่อทราบตำแหน่งและปริมาณของสินค้า
  • การตรวจสอบอุณหภูมิของสินค้า: ใช้เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิของสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ เช่น ยา อาหาร และสินค้าเกษตร
  • การตรวจสอบความเสียหายของสินค้า: ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับแรงกระแทกและการสั่นสะเทือน เพื่อตรวจสอบความเสียหายของสินค้าระหว่างการขนส่ง


สรุป

IoT เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การนำ IoT มาใช้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุน เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้น


บทความที่เกี่ยวข้อง
Big Data & Analytics กับการบริหารจัดการสต็อกในคลังสินค้าอนาคต
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วนของธุรกิจ “Big Data” และ “Analytics” กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การตัดสินใจทางธุรกิจมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในด้าน การบริหารจัดการสต็อกในคลังสินค้า (Warehouse Inventory Management) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่ส่งผลต่อทั้งต้นทุน การให้บริการ และประสบการณ์ของลูกค้า
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
24 เม.ย. 2025
คลังสินค้าไร้คน: เทคโนโลยีอัตโนมัติที่มาแทนแรงงานมนุษย์
ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกทุกวินาที สิ่งที่เคยคิดว่าเป็น “อนาคต” กำลังกลายเป็น “ปัจจุบัน” หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ คลังสินค้าไร้คน หรือ Automated Warehouses ที่เปลี่ยนภาพของคลังสินค้าจากที่เคยเต็มไปด้วยพนักงานขนของ มาเป็นพื้นที่ที่หุ่นยนต์ทำงานแทนทุกอย่างเกือบ 100%
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
24 เม.ย. 2025
Digital Product Passport คู่มือดิจิทัลสินค้าแห่งอนาคต ธุรกิจยุคใหม่ต้องรู้
วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่า Digital Product Passport (DPP) คืออะไร ทำไมธุรกิจของคุณถึงต้องทำความรู้จักและให้ความสำคัญกับมันครับ
ออกแบบโลโก้__5_.png BANKKUNG
24 เม.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ