สั่งของจากต่างประเทศอย่างไร ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า!?
อัพเดทล่าสุด: 5 ต.ค. 2024
3135 ผู้เข้าชม
การช้อปสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศในยุคนี้ค่อนข้างสะดวกสบาย เพราะสามารถเลือกซื้อได้จากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางแพลตฟอร์ม Marketplace ในไทย อย่าง Shopee, Lazada, Taobao, Amazon และอีกมากมาย ที่สามารถซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้ง่าย ๆ แต่ทุกครั้งที่สั่งของมาจากต่างประเทศ ควรจะต้องคำนึงถึงการชำระภาษีนำเข้าด้วยเสมอ
ภาษีนำเข้าคืออะไร?
ภาษีนำเข้า คือ ภาษีที่รัฐเรียกเก็บจากผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยสินค้าแต่ละประเภทก็จะมีอัตราการชำระภาษีที่แตกต่างกัน ส่วนนี้ก็เพื่อปรับปรุงการค้าภายในประเทศ และเพื่อเป็นการส่งเสริมบางอุตสาหกรรมให้ดำเนินการต่อไปได้ อย่างเช่น รัฐยกเว้นภาษีให้กับเครื่องจักรการผลิต เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ เป็นต้น
สั่งของจากต่างประเทศเสียภาษีอย่างไร?
ภาษีนำเข้าจะเกิดขึ้น เมื่อมีการซื้อของจากต่างประเทศกลับมายังไทยหรือสั่งซื้อของออนไลน์ที่ส่งมาจากต่างประเทศ ถ้าของที่นำเข้าไทยมานั้นมีมูลค่าสูงเกินที่กำหนดไว้เราจะต้องจ่ายภาษีเพื่อนำของชิ้นนั้นเข้าประเทศ โดยจะเสียให้กับกรมศุลกากร ทุกครั้งที่มีพัสดุเข้ามาจากต่างประเทศจะต้องผ่านการตรวจประเมินราคา จากนั้นจะส่งใบเรียกเก็บภาษีไปยังผู้รับ เพื่อมาชำระและรับของที่ไปรษณีย์
สินค้าราคาเท่าไหร่จึงจะเสียภาษี?
หากราคาสินค้าที่นำเข้ามา มีมูลค่าเกิน 1,500 บาท จะต้องเสียภาษีตามอัตราประเภทสินค้าแต่ละชนิด โดยมี เทคนิคการสั่งของจากต่างประเทศโดยไม่ต้องเสียภาษีแบบถูกต้อง คือ
อัตราภาษีนำเข้าสินค้าละประเภท
วิธีคำนวณภาษี
จำนวนเงินที่จะนำมาคิดภาษีนั้นจะมาจาก ราคาสินค้า+ค่าจัดส่ง+ค่าประกันภัย โดยมีเกณฑ์ง่าย ๆ ตามนี้
ถ้ามีการจ่ายภาษี จะมีภาษีที่ต้องจ่าย 2 รายการด้วยกัน คือ
โดยสามารถคำนวณภาษีได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
BY : ICE
ที่มา : https://blog.boxme.asia/th
ภาษีนำเข้าคืออะไร?
ภาษีนำเข้า คือ ภาษีที่รัฐเรียกเก็บจากผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยสินค้าแต่ละประเภทก็จะมีอัตราการชำระภาษีที่แตกต่างกัน ส่วนนี้ก็เพื่อปรับปรุงการค้าภายในประเทศ และเพื่อเป็นการส่งเสริมบางอุตสาหกรรมให้ดำเนินการต่อไปได้ อย่างเช่น รัฐยกเว้นภาษีให้กับเครื่องจักรการผลิต เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ เป็นต้น
สั่งของจากต่างประเทศเสียภาษีอย่างไร?
ภาษีนำเข้าจะเกิดขึ้น เมื่อมีการซื้อของจากต่างประเทศกลับมายังไทยหรือสั่งซื้อของออนไลน์ที่ส่งมาจากต่างประเทศ ถ้าของที่นำเข้าไทยมานั้นมีมูลค่าสูงเกินที่กำหนดไว้เราจะต้องจ่ายภาษีเพื่อนำของชิ้นนั้นเข้าประเทศ โดยจะเสียให้กับกรมศุลกากร ทุกครั้งที่มีพัสดุเข้ามาจากต่างประเทศจะต้องผ่านการตรวจประเมินราคา จากนั้นจะส่งใบเรียกเก็บภาษีไปยังผู้รับ เพื่อมาชำระและรับของที่ไปรษณีย์
สินค้าราคาเท่าไหร่จึงจะเสียภาษี?
หากราคาสินค้าที่นำเข้ามา มีมูลค่าเกิน 1,500 บาท จะต้องเสียภาษีตามอัตราประเภทสินค้าแต่ละชนิด โดยมี เทคนิคการสั่งของจากต่างประเทศโดยไม่ต้องเสียภาษีแบบถูกต้อง คือ
- 1.สั่งของไม่เกิน 1,500 บาท สั่งของจากต่างประเทศจะต้องคำนวณให้ดีเสมอ กรมศุลกากรกำหนดราคาสินค้าทุกชนิด มูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายภาษีอากรนำเข้า
- 2.สั่งของจากต่างประเทศ ผ่านบริการ Shipping สำหรับผู้ที่สั่งสินค้าราคาเกิน 1,500 บาท ควรใช้บริการ Shipping ระหว่างประเทศ จ่ายแค่ค่าขนส่งอย่างเดียว โดยให้ Shipping เคลียร์เรื่องภาษีนำเข้าให้ได้เลย
อัตราภาษีนำเข้าสินค้าละประเภท
- ภาษีนำเข้า 30% : เครื่องสำอาง หมวก น้ำหอม รองเท้า ผ้าห่ม ร่ม
- ภาษีนำเข้า 20% : กระเป๋า
- ภาษีนำเข้า 10% : CD DVD อัลบั้ม คอนเสิร์ต Power Bank หูฟัง Headphone Earphones ตุ๊กตา
- ภาษีนำเข้า 5% : นาฬิกา แว่นตา แว่นกันแดด
- ยกเว้นภาษีนำเข้า แต่เสีย VAT 7% : นิตยสาร Photobook คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ เมาส์
วิธีคำนวณภาษี
จำนวนเงินที่จะนำมาคิดภาษีนั้นจะมาจาก ราคาสินค้า+ค่าจัดส่ง+ค่าประกันภัย โดยมีเกณฑ์ง่าย ๆ ตามนี้
- รวมกันไม่เกิน 1,500 บาท ไม่ต้องจ่ายภาษี
- รวมกันแล้วเกิน 1,500 บาทขึ้นไป ต้องจ่ายภาษี
ถ้ามีการจ่ายภาษี จะมีภาษีที่ต้องจ่าย 2 รายการด้วยกัน คือ
- ภาษีนำเข้า = ขึ้นอยู่กับประเภทของสิ่งของ
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (vat) = 7%
โดยสามารถคำนวณภาษีได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
- ค่าสินค้ารวมค่าส่ง x อัตราภาษีนำเข้า (%) = ภาษีนำเข้า
- ค่าสินค้ารวมค่าส่ง + ภาษีนำเข้าที่ต้องจ่าย x vat 7% = ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม
BY : ICE
ที่มา : https://blog.boxme.asia/th
บทความที่เกี่ยวข้อง
ในยุคที่สินค้ามีความคล้ายคลึงกันและราคาเข้าถึงได้ง่าย การแข่งขันในตลาดไม่ได้วัดกันแค่ที่ตัวผลิตภัณฑ์อีกต่อไปแล้ว แต่มาตรวัดใหม่คือ "ประสบการณ์" ที่ลูกค้าได้รับ ธุรกิจบริการ (Service Business) จึงก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหัวใจของการบริการคือการส่งมอบสิ่งที่ "จับต้องไม่ได้" แต่ทรงพลังที่สุด นั่นคือความรู้สึก ความประทับใจ และความผูกพันต่อแบรนด์ นี่คือจุดที่ Service Marketing หรือ การตลาดบริการ เข้ามาพลิกเกม เปลี่ยนจากการมองว่าแค่ "ส่งของ" ให้เป็น "การส่งต่อประสบการณ์" อันน่าจดจำ แล้วอะไรคือเคล็ดลับเบื้องหลังความสำเร็จนี้?
21 ต.ค. 2025
ระบบการเรียกรถเข้ารับพัสดุ (Pickup Request System): หัวใจของความรวดเร็วในธุรกิจขนส่งยุคใหม่
21 ต.ค. 2025
ในโลกการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Marketing) แบรนด์ส่วนใหญ่มักหยุดอยู่แค่การวิเคราะห์สถิติเพื่อเพิ่มยอดขาย แต่ "การตลาดแบบมนุษย์" (Human-Centric Marketing) คือวิวัฒนาการขั้นต่อไป เป็นการเคลื่อนจาก 'Customer-Centric' (ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง) สู่ 'Human-Centric' (มนุษย์เป็นศูนย์กลาง) อย่างแท้จริง หัวใจของแนวคิดนี้คือการใช้เทคโนโลยีและข้อมูลมหาศาลเพื่อแปลงตัวเลขที่เย็นชา ให้กลายเป็นเสียงที่มีชีวิต ชีวา และเต็มไปด้วยความรู้สึกของมนุษย์ เพื่อให้แบรนด์ไม่ได้เพียงแค่ 'ตอบสนอง' แต่สามารถ 'เข้าใจ' และ 'อยู่เคียงข้าง' ลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งในทุกมิติ
20 ต.ค. 2025