แชร์

"ค่าส่ง" ตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจซื้อ: ตั้งราคาค่าส่งอย่างไรให้ลูกค้าไม่หนีและเราไม่ขาดทุน

ร่วมมือ.jpg Contact Center
อัพเดทล่าสุด: 21 ต.ค. 2025
128 ผู้เข้าชม

"ค่าส่ง" ตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจซื้อ: ตั้งราคาค่าส่งอย่างไรให้ลูกค้าไม่หนีและเราไม่ขาดทุน

เคยเจอปัญหานี้ไหมครับ? ลูกค้าเลือกสินค้าใส่ตะกร้าอย่างมีความสุข พอใจกับราคาสินค้าทุกอย่าง... แต่พอถึงหน้าชำระเงิน กดเห็น "ค่าจัดส่ง 60 บาท" ลูกค้ากลับลังเลและกดปิดหน้าเว็บไปดื้อๆ

ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า "Cart Abandonment" (การทิ้งตะกร้า) และสาเหตุอันดับหนึ่งของมันก็คือ "ค่าส่งที่แพงเกินคาด"

ในโลกของ E-commerce "ค่าส่ง" ไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่าย แต่เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลัง มันคือปราการด่านสุดท้ายที่จะตัดสินว่าคุณจะได้ "ยอดขาย" หรือได้ "ยอดทิ้งตะกร้า" วันนี้เราจะมาเจาะลึก 4 กลยุทธ์การตั้งราคาค่าส่งที่ช่วยมัดใจลูกค้า โดยที่ธุรกิจของคุณก็ยังคงมีกำไรครับ

1.กลยุทธ์ "ส่งฟรี": แม่เหล็กดึงดูดขั้นสุด

คำว่า "ส่งฟรี" (Free Shipping) คือคำที่มีพลังจิตวิทยาสูงที่สุดในการช็อปปิ้งออนไลน์ ลูกค้ายินดีจ่ายค่าสินค้าที่แพงขึ้นเล็กน้อย ดีกว่าต้องมาจ่ายค่าส่งแยกต่างหาก

  • วิธีใช้ไม่ให้ขาดทุน
    • กำหนดขั้นต่ำ: "ส่งฟรี! เมื่อซื้อครบ 500 บาท" นี่คือวิธีที่ทรงพลังที่สุด มันไม่เพียงแต่จูงใจให้ลูกค้าซื้อ แต่ยังกระตุ้นให้พวกเขาซื้อเพิ่ม (Upsell) เพื่อให้ถึงยอดที่กำหนด
    • บวกค่าส่งแฝงในราคาสินค้า: คำนวณต้นทุนค่าส่งเฉลี่ยต่อชิ้น แล้วบวกเข้าไปในราคาสินค้าเลย วิธีนี้เหมาะกับสินค้าที่มีแบรนด์ชัดเจน สินค้าเฉพาะกลุ่ม หรือสินค้าที่มีกำไรสูง

2.กลยุทธ์ "ค่าส่งคงที่" (Flat Rate): ชัดเจน ไม่ต้องลุ้น

คือการคิดค่าส่งราคาเดียว ไม่ว่าลูกค้าจะสั่งซื้อกี่ชิ้น หรืออยู่จังหวัดไหน (เช่น "เหมาจ่าย 50 บาท ทั่วไทย")

  • ข้อดี: ลูกค้าเข้าใจง่าย คาดเดาค่าใช้จ่ายได้ทันที เหมาะสำหรับร้านค้าที่สินค้ามีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกัน
  • วิธีใช้ไม่ให้ขาดทุน: คำนวณ "ค่าส่งเฉลี่ย" ที่แท้จริงของคุณ (รวมค่ากล่อง, ค่ากันกระแทก, ค่าแรง) แล้วตั้งราคา Flat Rate ให้ครอบคลุมต้นทุนนั้น คุณอาจขาดทุนเล็กน้อยกับออเดอร์ที่ส่งไกลๆ แต่จะได้กำไรจากออเดอร์ที่ส่งใกล้ๆ มาถัวเฉลี่ยกัน

3.กลยุทธ์ "คิดค่าส่งตามจริง" (Real-Time Rates)

คือการคิดค่าส่งตามน้ำหนักและระยะทางจริงในขณะที่ลูกค้าเช็คเอาท์ โดยเชื่อมต่อระบบ API กับบริษัทขนส่งโดยตรง

  • ข้อดี: แฟร์ที่สุดสำหรับธุรกิจ คุณไม่มีทางขาดทุนค่าส่งแน่นอน เพราะลูกค้าจ่ายตามจริง
  • ข้อควรระวัง: อาจทำให้ตัวเลขค่าส่งดูน่าตกใจสำหรับลูกค้าที่อยู่ไกล หรือสั่งของหนัก กลยุทธ์นี้เหมาะกับธุรกิจ B2B, การขายส่ง, หรือสินค้าที่มีน้ำหนักหลากหลายมากๆ

4.กลยุทธ์ "ผสมผสาน": ให้ลูกค้าเลือกเอง

นี่คือวิธีที่ยืดหยุ่นที่สุด คือการเสนอทางเลือกให้ลูกค้า เช่น

  • ส่งธรรมดา (Flat Rate 40 บาท)
  • ส่งด่วน EMS (คิดตามจริง)
  • ส่งฟรี (เมื่อซื้อครบ 800 บาท)

การให้ "ทางเลือก" ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ และพวกเขามักจะเลือกทางที่เหมาะกับตัวเองที่สุด

หัวใจสำคัญ ต้นทุนขนส่งของคุณต้องต่ำพอก่อน

ไม่ว่าคุณจะเลือกกลยุทธ์ไหน (แม้กระทั่ง "ส่งฟรี") คุณจะทำกำไรได้ก็ต่อเมื่อ "ต้นทุนค่าส่ง" ที่แท้จริงของคุณต่ำพอ การมีพาร์ทเนอร์ขนส่งที่ให้ "เรทราคาสำหรับธุรกิจ" (Corporate Rate) ที่แข่งขันได้, มีบริการเข้ารับถึงที่เพื่อลดต้นทุนแฝงของคุณ, และมีระบบ API ให้เชื่อมต่อ คือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่สุดที่จะทำให้กลยุทธ์ค่าส่งของคุณประสบความสำเร็จ

"ค่าส่ง" ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) อย่ามองว่ามันเป็นแค่ต้นทุน แต่จงมองว่ามันคือ "เครื่องมือการตลาด" ชิ้นสุดท้ายก่อนปิดการขาย

ทดสอบกลยุทธ์ต่างๆ ดูว่าแบบไหนที่ลูกค้าของคุณตอบสนองดีที่สุด และที่สำคัญที่สุด หันกลับมาจัดการต้นทุนภายในของคุณด้วยการเลือกพาร์ทเนอร์ขนส่งที่ไว้ใจได้ เพื่อที่คุณจะได้ออกแบบโปรโมชันค่าส่งที่ "มัดใจลูกค้า" โดยที่คุณ "ไม่ขาดทุน"

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการคำปรึกษาด้านการจัดส่ง หรือมองหาเรทราคาขนส่งสำหรับธุรกิจที่คุ้มค่า

ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ โทรศัพท์: 02-114-8855 หรือ 086-3039620 อีเมล: bstransport_bkk@hotmail.com ที่อยู่สำนักงานใหญ่: สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ชานชาลาที่ 11 ห้องที่ 16-17 133 หมู่ที่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210

คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย!


บทความที่เกี่ยวข้อง
Funnel การขายคืออะไร? และทำไมธุรกิจต้องมี
ในยุคที่ลูกค้ามีตัวเลือกมากมาย การขายไม่ใช่เรื่อง “บังเอิญ” อีกต่อไป แต่เป็น “ระบบ” ที่ช่วยพาลูกค้าจากคนไม่รู้จัก → กลายเป็นคนสนใจ → และตัดสินใจซื้อ สิ่งที่ทำให้ระบบนี้ทำงานได้ คือสิ่งที่เรียกว่า Sales Funnel (เซลส์ฟันเนล)
ร่วมมือ.jpg Contact Center
9 ธ.ค. 2025
Customer Retention 101: ทำไม "บริการส่งที่ดี" ถึงสำคัญกว่า "ยิงแอด" ในการดึงลูกค้าให้ซื้อซ้ำ
หยุดถมเงินค่าแอด ถ้าหลังบ้านยัง "รั่ว" คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมยิงแอดไปเท่าไหร่ ยอดขายก็ไม่โตแบบก้าวกระโดดสักที? หรือทำไมลูกค้าซื้อครั้งเดียวแล้วหายเงียบ ไม่กลับมาซื้อซ้ำ? ในโลกธุรกิจออนไลน์ปี 2025 ที่ค่าโฆษณา (Ads Cost) แพงหูฉี่ การมัวแต่หาลูกค้าใหม่ (Acquisition) อาจไม่ใช่คำตอบที่คุ้มค่าที่สุดอีกต่อไป กุญแจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดและกำไรพุ่งคือ "การรักษาลูกค้าเก่า (Customer Retention)" และเชื่อหรือไม่ว่า เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ ไม่ใช่คูปองส่วนลด แต่คือ "ประสบการณ์การจัดส่ง (Delivery Experience)" นั่นเอง วันนี้ BS Group จะพาไปดูว่าทำไมการส่งของที่ดี ถึงมีค่ามากกว่าการยิงแอด
ลูกดิว เด็กฝึกงาน
9 ธ.ค. 2025
The Decoy Effect (ปรากฏการณ์ตัวล่อ): จิตวิทยาการตั้งราคาที่ทำให้ลูกค้า "ยอมจ่ายแพง" โดยไม่รู้ตัว
เคยไหม? ที่คุณเดินเข้าไปในร้านกาแฟตั้งใจจะสั่งแก้วเล็ก แต่จบลงที่การเดินออกมาพร้อมแก้วใหญ่สุด หรือสมัครสมาชิกแอปพลิเคชันรายปีทั้งที่คิดว่าจะลองแค่รายเดือน คุณไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาด และคุณไม่ได้ “หน้าใหญ่” แต่อย่างใด แต่คุณกำลังตกอยู่ในมนตร์สะกดทางจิตวิทยาที่เรียกว่า "The Decoy Effect" หรือ ปรากฏการณ์ตัวล่อ
ร่วมมือ.jpg Contact Center
8 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ