แชร์

"ค่าส่ง" ตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจซื้อ: ตั้งราคาค่าส่งอย่างไรให้ลูกค้าไม่หนีและเราไม่ขาดทุน

ร่วมมือ.jpg Contact Center
อัพเดทล่าสุด: 21 ต.ค. 2025
19 ผู้เข้าชม

"ค่าส่ง" ตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจซื้อ: ตั้งราคาค่าส่งอย่างไรให้ลูกค้าไม่หนีและเราไม่ขาดทุน

เคยเจอปัญหานี้ไหมครับ? ลูกค้าเลือกสินค้าใส่ตะกร้าอย่างมีความสุข พอใจกับราคาสินค้าทุกอย่าง... แต่พอถึงหน้าชำระเงิน กดเห็น "ค่าจัดส่ง 60 บาท" ลูกค้ากลับลังเลและกดปิดหน้าเว็บไปดื้อๆ

ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า "Cart Abandonment" (การทิ้งตะกร้า) และสาเหตุอันดับหนึ่งของมันก็คือ "ค่าส่งที่แพงเกินคาด"

ในโลกของ E-commerce "ค่าส่ง" ไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่าย แต่เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลัง มันคือปราการด่านสุดท้ายที่จะตัดสินว่าคุณจะได้ "ยอดขาย" หรือได้ "ยอดทิ้งตะกร้า" วันนี้เราจะมาเจาะลึก 4 กลยุทธ์การตั้งราคาค่าส่งที่ช่วยมัดใจลูกค้า โดยที่ธุรกิจของคุณก็ยังคงมีกำไรครับ

1.กลยุทธ์ "ส่งฟรี": แม่เหล็กดึงดูดขั้นสุด

คำว่า "ส่งฟรี" (Free Shipping) คือคำที่มีพลังจิตวิทยาสูงที่สุดในการช็อปปิ้งออนไลน์ ลูกค้ายินดีจ่ายค่าสินค้าที่แพงขึ้นเล็กน้อย ดีกว่าต้องมาจ่ายค่าส่งแยกต่างหาก

  • วิธีใช้ไม่ให้ขาดทุน
    • กำหนดขั้นต่ำ: "ส่งฟรี! เมื่อซื้อครบ 500 บาท" นี่คือวิธีที่ทรงพลังที่สุด มันไม่เพียงแต่จูงใจให้ลูกค้าซื้อ แต่ยังกระตุ้นให้พวกเขาซื้อเพิ่ม (Upsell) เพื่อให้ถึงยอดที่กำหนด
    • บวกค่าส่งแฝงในราคาสินค้า: คำนวณต้นทุนค่าส่งเฉลี่ยต่อชิ้น แล้วบวกเข้าไปในราคาสินค้าเลย วิธีนี้เหมาะกับสินค้าที่มีแบรนด์ชัดเจน สินค้าเฉพาะกลุ่ม หรือสินค้าที่มีกำไรสูง

2.กลยุทธ์ "ค่าส่งคงที่" (Flat Rate): ชัดเจน ไม่ต้องลุ้น

คือการคิดค่าส่งราคาเดียว ไม่ว่าลูกค้าจะสั่งซื้อกี่ชิ้น หรืออยู่จังหวัดไหน (เช่น "เหมาจ่าย 50 บาท ทั่วไทย")

  • ข้อดี: ลูกค้าเข้าใจง่าย คาดเดาค่าใช้จ่ายได้ทันที เหมาะสำหรับร้านค้าที่สินค้ามีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกัน
  • วิธีใช้ไม่ให้ขาดทุน: คำนวณ "ค่าส่งเฉลี่ย" ที่แท้จริงของคุณ (รวมค่ากล่อง, ค่ากันกระแทก, ค่าแรง) แล้วตั้งราคา Flat Rate ให้ครอบคลุมต้นทุนนั้น คุณอาจขาดทุนเล็กน้อยกับออเดอร์ที่ส่งไกลๆ แต่จะได้กำไรจากออเดอร์ที่ส่งใกล้ๆ มาถัวเฉลี่ยกัน

3.กลยุทธ์ "คิดค่าส่งตามจริง" (Real-Time Rates)

คือการคิดค่าส่งตามน้ำหนักและระยะทางจริงในขณะที่ลูกค้าเช็คเอาท์ โดยเชื่อมต่อระบบ API กับบริษัทขนส่งโดยตรง

  • ข้อดี: แฟร์ที่สุดสำหรับธุรกิจ คุณไม่มีทางขาดทุนค่าส่งแน่นอน เพราะลูกค้าจ่ายตามจริง
  • ข้อควรระวัง: อาจทำให้ตัวเลขค่าส่งดูน่าตกใจสำหรับลูกค้าที่อยู่ไกล หรือสั่งของหนัก กลยุทธ์นี้เหมาะกับธุรกิจ B2B, การขายส่ง, หรือสินค้าที่มีน้ำหนักหลากหลายมากๆ

4.กลยุทธ์ "ผสมผสาน": ให้ลูกค้าเลือกเอง

นี่คือวิธีที่ยืดหยุ่นที่สุด คือการเสนอทางเลือกให้ลูกค้า เช่น

  • ส่งธรรมดา (Flat Rate 40 บาท)
  • ส่งด่วน EMS (คิดตามจริง)
  • ส่งฟรี (เมื่อซื้อครบ 800 บาท)

การให้ "ทางเลือก" ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ และพวกเขามักจะเลือกทางที่เหมาะกับตัวเองที่สุด

หัวใจสำคัญ ต้นทุนขนส่งของคุณต้องต่ำพอก่อน

ไม่ว่าคุณจะเลือกกลยุทธ์ไหน (แม้กระทั่ง "ส่งฟรี") คุณจะทำกำไรได้ก็ต่อเมื่อ "ต้นทุนค่าส่ง" ที่แท้จริงของคุณต่ำพอ การมีพาร์ทเนอร์ขนส่งที่ให้ "เรทราคาสำหรับธุรกิจ" (Corporate Rate) ที่แข่งขันได้, มีบริการเข้ารับถึงที่เพื่อลดต้นทุนแฝงของคุณ, และมีระบบ API ให้เชื่อมต่อ คือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่สุดที่จะทำให้กลยุทธ์ค่าส่งของคุณประสบความสำเร็จ

"ค่าส่ง" ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) อย่ามองว่ามันเป็นแค่ต้นทุน แต่จงมองว่ามันคือ "เครื่องมือการตลาด" ชิ้นสุดท้ายก่อนปิดการขาย

ทดสอบกลยุทธ์ต่างๆ ดูว่าแบบไหนที่ลูกค้าของคุณตอบสนองดีที่สุด และที่สำคัญที่สุด หันกลับมาจัดการต้นทุนภายในของคุณด้วยการเลือกพาร์ทเนอร์ขนส่งที่ไว้ใจได้ เพื่อที่คุณจะได้ออกแบบโปรโมชันค่าส่งที่ "มัดใจลูกค้า" โดยที่คุณ "ไม่ขาดทุน"

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการคำปรึกษาด้านการจัดส่ง หรือมองหาเรทราคาขนส่งสำหรับธุรกิจที่คุ้มค่า

ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ โทรศัพท์: 02-114-8855 หรือ 086-3039620 อีเมล: bstransport_bkk@hotmail.com ที่อยู่สำนักงานใหญ่: สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ชานชาลาที่ 11 ห้องที่ 16-17 133 หมู่ที่ 1 ถนนบรมราชชนนี ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210

คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย!


บทความที่เกี่ยวข้อง
ปลดแอกทีมขาย! Marketing Automation สำหรับ B2B: ลดขั้นตอนซ้ำซ้อน เพิ่มเวลาโฟกัสงานปิดดีล
ในโลกของการแข่งขัน B2B (Business-to-Business) ที่ดุเดือด "เวลา" คือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของทีมขาย แต่บ่อยครั้งแค่ไหนที่ทีมขายระดับท็อปของคุณต้องหมดเวลาไปกับการไล่ตาม Lead ที่ยังไม่พร้อม, การส่งอีเมล Follow-up ซ้ำๆ, หรือการคัดกรองข้อมูลลูกค้าด้วยมือ?
ร่วมมือ.jpg Contact Center
24 ต.ค. 2025
COD ยังจำเป็นไหม? เปิดสถิติทำไมบริการเก็บเงินปลายทางยังเป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าออนไลน์
นยุคที่ Mobile Banking ครองเมือง, การสแกน QR Code เป็นเรื่องปกติ, และบัตรเครดิตแทบจะอยู่ในกระเป๋าทุกคน... คำถามสำคัญที่ผู้ประกอบการ E-commerce หลายคนเริ่มสงสัยคือ
ร่วมมือ.jpg Contact Center
23 ต.ค. 2025
เทคนิคสร้าง Lead Magnet ดึงดูดลูกค้าคุณภาพสูงสำหรับธุรกิจ B2B
Lead Magnet ไม่ใช่แค่ "ของฟรี" อะไรก็ได้ที่เอามาแลกกับอีเมล แต่สำหรับธุรกิจ B2B มันคือ "คุณค่า" ที่จับต้องได้ ที่คุณมอบให้ล่วงหน้า เพื่อพิสูจน์ความเชี่ยวชาญและสร้างความไว้วางใจ ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการขายที่ซับซ้อนต่อไป
ร่วมมือ.jpg Contact Center
23 ต.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ