ขนส่งที่วิ่งเร็วกว่าเครื่องบิน แต่ไม่แตะพื้นถนนเลยแม้แต่นิด
อัพเดทล่าสุด: 15 ส.ค. 2025
149 ผู้เข้าชม

ลองนึกภาพพัสดุที่คุณสั่งวันนี้ ไม่ได้ถูกส่งด้วยรถบรรทุกหรือเครื่องบินบรรทุกสินค้า แต่มันวิ่งอยู่ในท่อขนาดใหญ่ ปิดสนิท ปราศจากอากาศ และพุ่งด้วยความเร็วสูงกว่า 1,000 กม./ชม. เร็วกว่าเครื่องบินพาณิชย์หลายเท่า
นี่คือแนวคิด Hyperloop Cargo หรือ ระบบขนส่งด้วยแคปซูลแม่เหล็กในท่อสูญญากาศ ที่หลายบริษัททั่วโลกกำลังพัฒนาเพื่อพลิกโฉมโลจิสติกส์ให้เร็วแบบไร้คู่แข่ง
1. ทำไมมันเร็วกว่ารถหรือเครื่องบิน
ไม่มีแรงเสียดทานของอากาศ เพราะอยู่ในท่อเกือบสูญญากาศ
ไม่แตะพื้นถนน เพราะใช้ Magnetic Levitation (MagLev) ทำให้ลอยอยู่กลางรางด้วยแรงแม่เหล็ก
ระบบนี้สามารถเร่งจาก 01,000 กม./ชม. ได้ในไม่กี่นาที
ถ้าส่งของจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ (700 กม.) อาจใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
2. ประหยัดพลังงานกว่าที่คิด
ถึงจะวิ่งเร็วระดับนี้ แต่กลับใช้พลังงานน้อยกว่ารถบรรทุกและเครื่องบิน เพราะ
ไม่มีแรงต้านอากาศมาก
พลังงานส่วนใหญ่ใช้ตอนเร่งความเร็ว และสามารถ เก็บพลังงานกลับ เวลาลดความเร็ว (Regenerative Braking)
3. ระบบอัตโนมัติ 100%
Hyperloop Cargo ไม่ต้องมีคนขับ แต่ควบคุมด้วย AI และระบบ IoT ที่รู้ทันทีว่าพัสดุอยู่ตรงไหน และจะไปถึงเมื่อไร โดยไม่ต้องหยุดแวะพัก
4. ใช้พื้นที่น้อย ไม่ติดถนน
เส้นทางวิ่งอยู่ในท่อยกสูงหรือติดใต้ดิน ไม่แย่งพื้นที่ถนน และไม่โดนรถติดเลยแม้แต่วินาทีเดียว
5. ตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว
Virgin Hyperloop เคยทดสอบแคปซูลโดยสารได้ความเร็ว 1,078 กม./ชม. และกำลังพัฒนาเวอร์ชันขนส่งสินค้า
DP World Cargospeed ประกาศความร่วมมือสร้างเครือข่าย Hyperloop สำหรับขนส่งพัสดุระหว่างเมืองใหญ่ในตะวันออกกลาง
6. ผลกระทบต่อโลจิสติกส์
ถ้าระบบนี้เกิดจริง การส่งของระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอาจทำได้ในไม่กี่ชั่วโมง
ส่งอาหารสดจากฟาร์มในภาคเหนือมาถึงกรุงเทพฯ ในสภาพเหมือนเพิ่งเก็บ
ส่งอะไหล่สำคัญจากมาเลเซียถึงไทยในเช้าวันเดียว
ในอนาคต อาจมีบริการใหม่ที่เขียนว่า
สั่งวันนี้ ส่งถึงในชั่วโมงเดียว แม้ปลายทางจะอยู่ต่างประเทศ
นี่คือแนวคิด Hyperloop Cargo หรือ ระบบขนส่งด้วยแคปซูลแม่เหล็กในท่อสูญญากาศ ที่หลายบริษัททั่วโลกกำลังพัฒนาเพื่อพลิกโฉมโลจิสติกส์ให้เร็วแบบไร้คู่แข่ง
1. ทำไมมันเร็วกว่ารถหรือเครื่องบิน
ไม่มีแรงเสียดทานของอากาศ เพราะอยู่ในท่อเกือบสูญญากาศ
ไม่แตะพื้นถนน เพราะใช้ Magnetic Levitation (MagLev) ทำให้ลอยอยู่กลางรางด้วยแรงแม่เหล็ก
ระบบนี้สามารถเร่งจาก 01,000 กม./ชม. ได้ในไม่กี่นาที
ถ้าส่งของจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ (700 กม.) อาจใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
2. ประหยัดพลังงานกว่าที่คิด
ถึงจะวิ่งเร็วระดับนี้ แต่กลับใช้พลังงานน้อยกว่ารถบรรทุกและเครื่องบิน เพราะ
ไม่มีแรงต้านอากาศมาก
พลังงานส่วนใหญ่ใช้ตอนเร่งความเร็ว และสามารถ เก็บพลังงานกลับ เวลาลดความเร็ว (Regenerative Braking)
3. ระบบอัตโนมัติ 100%
Hyperloop Cargo ไม่ต้องมีคนขับ แต่ควบคุมด้วย AI และระบบ IoT ที่รู้ทันทีว่าพัสดุอยู่ตรงไหน และจะไปถึงเมื่อไร โดยไม่ต้องหยุดแวะพัก
4. ใช้พื้นที่น้อย ไม่ติดถนน
เส้นทางวิ่งอยู่ในท่อยกสูงหรือติดใต้ดิน ไม่แย่งพื้นที่ถนน และไม่โดนรถติดเลยแม้แต่วินาทีเดียว
5. ตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว
Virgin Hyperloop เคยทดสอบแคปซูลโดยสารได้ความเร็ว 1,078 กม./ชม. และกำลังพัฒนาเวอร์ชันขนส่งสินค้า
DP World Cargospeed ประกาศความร่วมมือสร้างเครือข่าย Hyperloop สำหรับขนส่งพัสดุระหว่างเมืองใหญ่ในตะวันออกกลาง
6. ผลกระทบต่อโลจิสติกส์
ถ้าระบบนี้เกิดจริง การส่งของระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอาจทำได้ในไม่กี่ชั่วโมง
ส่งอาหารสดจากฟาร์มในภาคเหนือมาถึงกรุงเทพฯ ในสภาพเหมือนเพิ่งเก็บ
ส่งอะไหล่สำคัญจากมาเลเซียถึงไทยในเช้าวันเดียว
ในอนาคต อาจมีบริการใหม่ที่เขียนว่า
สั่งวันนี้ ส่งถึงในชั่วโมงเดียว แม้ปลายทางจะอยู่ต่างประเทศ
บทความที่เกี่ยวข้อง
ChatGPT x Spotify: เมื่อธุรกิจขนส่งพัสดุใช้ “เพลง” สร้างประสบการณ์ลูกค้า
25 ต.ค. 2025
รู้วิธีเริ่มต้นใช้ Data Analytics ในธุรกิจโลจิสติกส์ ตั้งแต่เก็บข้อมูลจนถึงการนำไปใช้ตัดสินใจ เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งอย่างเป็นรูปธรรม
25 ต.ค. 2025
เรียนรู้วิธีใช้ Big Data วิเคราะห์และเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่ง เพื่อช่วยธุรกิจลดต้นทุนและตอบสนองลูกค้าได้เร็วขึ้น
25 ต.ค. 2025
เหมาคัน

พี่ปี

BANKKUNG
