คลังสินค้า กับ Dead Stock: ความสัมพันธ์ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม
คลังสินค้า กับ Dead Stock: ความสัมพันธ์ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม
ในระบบโลจิสติกส์และการจัดการซัพพลายเชน คลังสินค้า ถือเป็นหัวใจสำคัญในการเก็บรักษาสินค้าและรองรับความต้องการของตลาด แต่ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นบ่อยและส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของคลังสินค้าคือ "Dead Stock" หรือสินค้าคงคลังที่ไม่เคลื่อนไหว ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจก่อให้เกิดต้นทุนแฝง และกระทบต่อกระแสเงินสดของธุรกิจได้อย่างมาก
Dead Stock คืออะไร?
Dead Stock หมายถึง สินค้าที่ถูกเก็บอยู่ในคลังมานานจนเกินระยะเวลาที่เหมาะสม โดยไม่มีการเคลื่อนไหวหรือขายออก เช่น สินค้าล้าสมัย สินค้าผิดฤดูกาล หรือสินค้าที่มีปัญหาเรื่องคุณภาพ ทำให้ไม่สามารถจำหน่ายได้
Dead Stock ส่งผลต่อคลังสินค้าอย่างไร?
1.เปลืองพื้นที่จัดเก็บ
Dead Stock ใช้พื้นที่ในคลังที่ควรเก็บสินค้าที่มีการเคลื่อนไหวสูง ทำให้เกิดความไม่คุ้มค่าต่อการใช้พื้นที่
2.ต้นทุนเพิ่มขึ้น
คลังสินค้าต้องเสียค่าดูแลรักษา ค่าประกันสินค้า หรือแม้แต่ค่าเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นสำหรับเก็บของที่ไม่สามารถสร้างรายได้
3.การบริหารจัดการยุ่งยากขึ้น
Dead Stock ทำให้การจัดเก็บและหยิบสินค้าซับซ้อนขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อความผิดพลาดในการจัดส่ง
4.กระทบกระแสเงินสด
เงินทุนที่จมอยู่ในสินค้าที่ขายไม่ออก เป็นการลดสภาพคล่องของธุรกิจ
แนวทางป้องกันและจัดการ Dead Stock
1.วิเคราะห์ยอดขายและการเคลื่อนไหวของสินค้าอย่างสม่ำเสมอ
ใช้ระบบ ERP หรือ WMS เพื่อติดตามข้อมูลสินค้าแบบเรียลไทม์
2.กำหนดจุดสั่งซื้อ (Reorder Point) ที่เหมาะสม
เพื่อลดโอกาสการสั่งสินค้ามาเกินความจำเป็น
3.โปรโมชั่นระบายสต็อก
เช่น ลดราคา แถมฟรี หรือจัดเป็นของแถม
4.บริจาคหรือขายต่อในตลาดเฉพาะ
เช่น ขายสินค้าล้าสมัยในตลาดสินค้าลดราคา หรือบริจาคเพื่อหักภาษี
5.ทบทวนกลยุทธ์จัดซื้อและวางแผนสินค้าใหม่
เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิด Dead Stock ซ้ำในอนาคต
สรุป
Dead Stock ไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาของฝ่ายคลังสินค้าเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่สะท้อนถึงการบริหารจัดการสินค้าคงคลังทั้งระบบอย่างรอบด้าน ผู้ประกอบการที่สามารถมองเห็นและจัดการกับ Dead Stock ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มพื้นที่ และเสริมสร้างความคล่องตัวให้กับธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
บทความและภาพประกอบจาก Chat gpt