แชร์

Heuristics (ฮิวริสติกส์) เกิดจากอะไร และเกี่ยวข้องกับการตลาดอย่างไร?

ChatGPT_Image_27_มิ_ย_2568_09_35_26.png BANKKUNG
อัพเดทล่าสุด: 6 ก.พ. 2025
823 ผู้เข้าชม

Heuristics (ฮิวริสติกส์) เกิดจากอะไร และเกี่ยวข้องกับการตลาดอย่างไร?

 

ฮิวริสติกส์ (Heuristics) คือ กลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่มนุษย์เราใช้เป็นทางลัดในการตัดสินใจ เมื่อต้องเผชิญกับข้อมูลจำนวนมากหรือสถานการณ์ที่ซับซ้อน การใช้ฮิวริสติกส์ช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็อาจนำไปสู่ความผิดพลาดได้เช่นกัน

 

ฮิวริสติกส์เกิดขึ้นจากอะไร?

  • สมองของมนุษย์: สมองของเราถูกออกแบบมาให้ประหยัดพลังงาน ดังนั้น เราจึงพัฒนา "ทางลัด" หรือฮิวริสติกส์ขึ้นมา เพื่อใช้ในการตัดสินใจที่รวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้พลังงานสมองมากเกินไป
  • ประสบการณ์: ฮิวริสติกส์หลายอย่างเกิดจากประสบการณ์ที่เราเรียนรู้มา เช่น การเรียนรู้ว่าไฟร้อน เราจะหลีกเลี่ยงที่จะสัมผัสไฟ
  • วัฒนธรรม: วัฒนธรรมและสังคมมีส่วนสำคัญในการสร้างฮิวริสติกส์ เช่น ความเชื่อ ความคาดหวัง และค่านิยมต่างๆ

 

ฮิวริสติกส์เกี่ยวข้องกับการตลาดอย่างไร?

นักการตลาดใช้ความรู้เกี่ยวกับฮิวริสติกส์เพื่อออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดึงดูดใจผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น

  • ฮิวริสติกโดยความพร้อมใช้งาน (Availability heuristic): การโฆษณาที่เน้นย้ำถึงความเสี่ยงหรือปัญหาที่ผู้บริโภคกำลังเผชิญอยู่ ทำให้ผู้บริโภคจดจำผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น เช่น โฆษณาที่เน้นย้ำถึงปัญหาสิว ทำให้ผู้บริโภคสนใจผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า
  • ฮิวริสติกโดยความเป็นตัวแทน (Representativeness heuristic): การสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น แบรนด์เสื้อผ้ากีฬาที่ใช้ภาพนักกีฬาในการโฆษณา เพื่อให้ผู้บริโภคเชื่อมโยงแบรนด์กับความแข็งแรงและความคล่องตัว
  • ฮิวริสติกโดยการยึดติด (Anchoring heuristic): การนำเสนอราคาที่สูงก่อน แล้วค่อยลดราคาลงมา ทำให้ราคาที่ลดลงดูเหมือนเป็นข้อเสนอที่ดี
  • ฮิวริสติกโดยความชอบ (Liking heuristic): การสร้างความชอบให้กับแบรนด์ผ่านการใช้คนดัง หรือการสร้างเรื่องราวที่น่าประทับใจ

 

ตัวอย่างการใช้ฮิวริสติกส์ในชีวิตจริง

  • การซื้อสินค้า: เมื่อเราเห็นป้ายลดราคา เราจะตัดสินใจซื้อสินค้าชิ้นนั้นได้ง่ายขึ้น (ฮิวริสติกโดยการยึดติด)
  • การเลือกแบรนด์: เราเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่เราคุ้นเคยและไว้วางใจ (ฮิวริสติกโดยความชอบ)
  • การตัดสินใจลงทุน: เราตัดสินใจลงทุนในหุ้นที่เคยให้ผลตอบแทนดีในอดีต (ฮิวริสติกโดยความพร้อมใช้งาน)

 

ฮิวริสติกส์เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่นักการตลาดสามารถใช้เพื่อสร้างความประทับใจและโน้มน้าวใจผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม การใช้ฮิวริสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภคและจริยธรรมในการทำธุรกิจ

 
 



บทความที่เกี่ยวข้อง
Hyper-Personalized Delivery: มัดใจลูกค้าด้วยการขนส่งที่ "รู้ใจ" และ "เลือกได้"
จบปัญหา "มาส่งตอนไม่อยู่" สู่ยุคที่ "ลูกค้าเป็นคนคุมเกม" เคยไหมครับ? สั่งของไปแล้วต้องมานั่งลุ้นว่าขนส่งจะโทรมาตอนไหน พอโทรมาก็ดันติดประชุม หรือพอของมาถึงก็ไม่มีคนอยู่บ้านจนต้องตีของกลับ... นี่คือ Pain Point คลาสสิกที่ทำลายประสบการณ์การซื้อของออนไลน์มานานนับสิบปี แต่ในปี 2025 ยุคที่ "ลูกค้าคือพระเจ้า" อย่างแท้จริง การขนส่งแบบเดิมที่กำหนดเวลาตายตัว (8.00 - 17.00 น.) กำลังจะตายไป และถูกแทนที่ด้วยเทรนด์ใหม่ที่เรียกว่า "Hyper-Personalized Delivery" หรือ การขนส่งแบบรู้ใจเฉพาะบุคคล วันนี้ BS Group จะพาคุณไปดูว่า เมื่อการตลาดและโลจิสติกส์มาเจอกัน มันจะเปลี่ยนการส่งของธรรมดา ให้กลายเป็น "บริการที่ลูกค้ารัก" ได้อย่างไร?
ลูกดิว เด็กฝึกงาน
17 ธ.ค. 2025
The Unboxing Experience: สร้างความประทับใจแรกพบ เมื่อ "กล่องพัสดุ" คือเซลส์แมนคนสุดท้าย
ในยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติ หลายแบรนด์ทุ่มงบประมาณมหาศาลไปกับการยิงโฆษณา การทำคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย หรือการจ้างอินฟลูเอนเซอร์เพื่อดึงลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์ แต่มีจุดหนึ่งที่หลายคนมักมองข้าม—จุดที่สำคัญที่สุดเมื่อสินค้าเดินทางไปถึงมือลูกค้า นั่นคือ "วินาทีแห่งการแกะกล่อง" (The Unboxing Experience) ทำไมกล่องพัสดุธรรมดาๆ ถึงถูกเปรียบเปรยว่าเป็น "เซลส์แมนคนสุดท้าย" และเราจะเปลี่ยนกล่องกระดาษสีน้ำตาลให้กลายเป็นเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลังได้อย่างไร? มาหาคำตอบกันครับ
ร่วมมือ.jpg Contact Center
13 ธ.ค. 2025
FOMO Marketing: ศิลปะการกระตุ้นความ "เสียดาย" ให้กลายเป็น "ยอดขาย" แบบเนียน ๆ (ไม่ยัดเยียด)
เคยไหม? ที่คุณไม่ได้ตั้งใจจะซื้อของชิ้นนั้น แต่พอเห็นป้าย "เหลือ 2 ชิ้นสุดท้าย" หรือเพื่อนในโซเชียลเริ่มแชร์กันเต็มหน้าฟีด จู่ๆ มือของคุณก็กดสั่งซื้อไปโดยอัตโนมัติ... นี่คือกำลังของ FOMO (Fear of Missing Out) หรือ "ความกลัวที่จะตกขบวน" ในโลกการตลาด FOMO คืออาวุธที่ทรงพลังมาก แต่ถ้าใช้ไม่เป็น มันจะกลายเป็น "ดาบสองคม" ที่ทำให้แบรนด์ดูน่ารำคาญและยัดเยียดทันที วันนี้เราจะมาเจาะลึกเทคนิคการใช้ FOMO Marketing ให้ดู Classy ดูแพง และกระตุ้นลูกค้าได้แบบแยบยลครับ
ร่วมมือ.jpg Contact Center
10 ธ.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ