แชร์

ขั้นตอนทำลายสินค้าเสื่อมคุณภาพตามแนวทาง กรมสรรพากร

noimageauthor นักศึกษาฝึกงาน(คลัง)
อัพเดทล่าสุด: 1 ก.พ. 2025
415 ผู้เข้าชม
ในโลกธุรกิจที่ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและการแข่งขันที่สูง การจัดการสินค้าคงคลังเป็นสิ่งสำคัญที่ธุรกิจไม่สามารถมองข้ามได้ อย่างไรก็ตาม สินค้าบางรายการอาจเสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งานจนไม่สามารถจำหน่ายได้อีกต่อไป การทำลายสินค้าเสื่อมสภาพเป็นวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อจัดการสินค้าดังกล่าว และยังสามารถใช้เป็นช่องทางในการขอลดหย่อนภาษีได้ตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร แต่การทำลายสินค้าเสื่อมสภาพนั้นมีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินการนั้นเป็นไปอย่างโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมาย
 
การทำลายสินค้าเสื่อมสภาพ 
มีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของบริษัท ลดความเสี่ยงจากการเก็บสินค้าที่หมดอายุ และช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้สินค้าที่ไม่ปลอดภัย
 
1.ลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายต่อผู้บริโภค
สินค้าที่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคหากถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับการควบคุม ดังนั้น การทำลายสินค้าดังกล่าวจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงนี้
 
2.ป้องกันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
สินค้าเสื่อมสภาพบางประเภทอาจมีสารเคมีหรือวัตถุที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม หากไม่ได้รับการทำลายอย่างถูกต้อง การทำลายสินค้าเสื่อมสภาพจึงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้
 
3.ขอลดหย่อนภาษี
หนึ่งในประโยชน์สำคัญของการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพคือการสามารถขอลดหย่อนภาษีได้ หากธุรกิจดำเนินการตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร การทำลายสินค้าที่ได้รับการอนุมัติจะช่วยลดภาระภาษีของธุรกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ
 
แนวทางของ กรมสรรพากร
การทำลายสินค้าเสื่อมสภาพตามกฎหมายจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจของคุณได้รับประโยชน์จากการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพได้อย่างครบถ้วนและถูกต้องตามข้อกำหนด ดังนี้
 
1. ตรวจสอบและบันทึกรายละเอียดสินค้าเสื่อมสภาพ
ขั้นตอนแรกที่สำคัญคือการตรวจสอบสินค้าคงคลังที่เสื่อมสภาพและไม่สามารถนำกลับมาใช้หรือจำหน่ายได้อีก ตรวจสอบสินค้าทุกชิ้นว่ามีความเสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งานจริง โดยบันทึกรายละเอียดสินค้าที่เกี่ยวข้อง เช่น ชื่อสินค้า ปริมาณ วันที่หมดอายุ และมูลค่าของสินค้าที่เสื่อมสภาพ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขออนุมัติการทำลายต่อไป
 
2. จัดทำหนังสือแจ้งการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพ
เมื่อสินค้าถูกตรวจสอบและบันทึกเรียบร้อยแล้ว ธุรกิจจะต้องจัดทำหนังสือแจ้งกรมสรรพากรเพื่อขออนุมัติทำลายสินค้าเสื่อมสภาพ โดยในหนังสือต้องระบุรายละเอียดของสินค้าที่จะทำลาย ประกอบด้วยชนิด ปริมาณ มูลค่า และสาเหตุของการเสื่อมสภาพ รวมถึงกำหนดวันที่และสถานที่ที่ตั้งใจจะทำการทำลาย
 
3. การตรวจสอบและอนุมัติจากกรมสรรพากร
เมื่อยื่นหนังสือขออนุมัติแล้ว กรมสรรพากรจะทำการตรวจสอบข้อมูล หากข้อมูลถูกต้องและเป็นไปตามข้อกำหนด กรมสรรพากรจะอนุมัติให้ธุรกิจทำการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพได้ ซึ่งการอนุมัตินี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญ เนื่องจากเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อขอการลดหย่อนภาษี
 
4. การทำลายสินค้า
เมื่อได้รับอนุมัติจากกรมสรรพากรแล้ว ธุรกิจสามารถดำเนินการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพได้ตามที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้ง โดยการทำลายสินค้าต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตามวิธีที่กำหนด เช่น การเผา การฝังกลบ หรือวิธีการที่ไม่ทำให้สินค้าสามารถนำกลับมาใช้หรือจำหน่ายใหม่ได้

การทำลายสินค้าจะต้องมีตัวแทนจากกรมสรรพากรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นพยานในการทำลาย เพื่อยืนยันว่าการทำลายเป็นไปตามกฎหมายและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสาธารณะ
 
5. การจัดทำรายงานการทำลาย
หลังจากการทำลายเสร็จสิ้น ธุรกิจจะต้องจัดทำรายงานการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพ ซึ่งในรายงานจะต้องระบุรายละเอียดสินค้าที่ถูกทำลาย จำนวน มูลค่า และวิธีการทำลาย พร้อมทั้งแนบภาพถ่ายหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการทำลาย เพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการขอการลดหย่อนภาษี
 
6. การยื่นเอกสารขอลดหย่อนภาษี
สุดท้าย ธุรกิจจะต้องยื่นรายงานการทำลายสินค้า พร้อมกับเอกสารประกอบอื่น ๆ เช่น หนังสืออนุมัติ ภาพถ่าย และรายงานการตรวจสอบสินค้าต่อกรมสรรพากร เพื่อขอลดหย่อนภาษี โดยขั้นตอนนี้จะช่วยให้ธุรกิจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพ
 
สิ่งที่ควรระวังในการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพ กรมสรรพากร
1.การทำลายสินค้าโดยไม่ได้รับอนุมัติ
หากธุรกิจทำการทำลายสินค้าเสื่อมสภาพโดยไม่ได้รับอนุมัติจากกรมสรรพากร การทำลายดังกล่าวอาจถือเป็นการทำลายทรัพย์สินโดยไม่ได้รับการยอมรับ ซึ่งจะไม่สามารถขอลดหย่อนภาษีได้

2.การทำลายที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
สินค้าบางประเภท เช่น สินค้าเคมี หรือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาจมีข้อกำหนดเฉพาะในการทำลาย ดังนั้นการปฏิบัติตามวิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมายจะช่วยป้องกันปัญหาด้านกฎหมายและสิ่งแวดล้อม

3.การบันทึกข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน
การบันทึกข้อมูลสินค้าเสื่อมสภาพควรเป็นไปอย่างถูกต้องและครบถ้วน เนื่องจากเอกสารนี้จะใช้เป็นหลักฐานในการขอการลดหย่อนภาษี
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
BY : Jim
ที่มา : https://www.en-technology.com/revenue-department-2/

บทความที่เกี่ยวข้อง
Check-list คลังสินค้าพร้อมขาย: คุณมีครบหรือยัง?
การบริหารคลังสินค้าให้พร้อมขาย ไม่ใช่แค่มีของอยู่เต็มโกดังเท่านั้น แต่คือการวางระบบที่ทำให้สินค้าเคลื่อนไหวได้ทันทีเมื่อมีออเดอร์เข้ามา
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
21 มิ.ย. 2025
5 กลยุทธ์ลดต้นทุนในคลังสินค้าแบบมืออาชีพ
ในการบริหารคลังสินค้า ต้นทุนเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กระทบโดยตรงต่อกำไรของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าพื้นที่ ค่าบุคลากร ค่าขนส่ง หรือค่าจัดการสินค้า
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
21 มิ.ย. 2025
สร้างแบรนด์ขนส่งให้น่าจดจำด้วยตัวช่วยอย่าง ChatGPT
ใช้ AI คิดชื่อแบรนด์ คำขวัญ สโลแกน และคอนเทนต์เพื่อสร้างตัวตน ในยุคที่ธุรกิจขนส่งแข่งขันกันดุเดือด การสร้างแบรนด์ที่ “น่าจดจำ” ไม่ใช่แค่เรื่องของโลโก้สวยหรือชื่อเท่ แต่ต้องมี ตัวตนชัดเจน สื่อสารได้ตรงใจ และน่าเชื่อถือ และในวันที่เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเปลี่ยนเกม เจ้าของธุรกิจสามารถใช้ ChatGPT มาเป็นที่ปรึกษาแบรนด์ส่วนตัวได้เลย!
ร่วมมือ.jpg Contact Center
21 มิ.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ