แชร์

รูปแบบการขนส่งมีอะไรบ้าง มีข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกันอย่างไร

อัพเดทล่าสุด: 1 ต.ค. 2024
4031 ผู้เข้าชม

รูปแบบการขนส่งมีอะไรบ้าง มีข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกันอย่างไร


          หากพูดถึงรูปแบบของการขนส่งแล้วเราสามารำจำแนกออกได้เป็น 3 รูปแบบหลักๆ ก็คือ การขนส่งทางน้ำ, การขนส่งทางบก และการขนส่งทางอากาศ โดยแบ่งออกเป็น 6 ประเภทย่อยๆ ได้อีกดังต่อไปนี้

1. การขนส่งด้วยรถบรรทุกและรถยนต์

            เริ่มต้นกันด้วยการขนส่งด้วยรถบรรทุกและรถยนต์ที่ถือว่าได้รับความนิยมมากที่สุดก็ว่าได้ เป็นการขนส่งที่เหมาะกับการขนย้ายสินค้าภายในประเทศเพราะสามารถเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ได้ครอบคลุม ประกอบด้วยยานพาหนะหลายขนาดที่สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม ข้อจำกัดน้อยกว่าการขนส่งรูปแบบอื่นๆ และในช่วงที่การขายของออนไลน์กำลังได้รับความนิยมธุรกิจขนส่งทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ต่างเติบโตขึ้นเพื่อรองรับการส่งสินค้าจากผู้ขายไปยังมือของผู้บริโภคในพื้นที่ต่างๆ  

ข้อดี

-มีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้ยานพาหนะ

-เข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ได้ครอบคลุม

-มีข้อจำกัดด้านเส้นทางน้อยกว่าการขนส่งแบบอื่น

ข้อเสีย

-มีการรั่วไหลของทรัพยากรหากได้พนักงานที่ขาดความรับผิดชอบหรือไม่ซื่อสัตย์

-ต้นทุนค่าน้ำมันสูงและมีความไม่แน่นอนต้องระมัดระวังในการทำสัญญา

-บางครั้งต้องขึ้นกับดินฟ้าอากาศและเส้นทางขนส่ง

 

2. การขนส่งแบบราง

            การขนส่งแบบรางเป็นการขนส่งทางบกด้วยรถไฟที่สามารถขนสินค้าได้หลากหลายผ่านตู้สินค้าแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สินค้าทั่วไป พืชผลทางการเกษตร ก๊าชและน้ำมัน วัสดุก่อสร้าง ตู้คอนเทนเนอร์แบบต่างๆ ถือว่ามีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้งานเช่นกัน มีเส้นทางที่แน่นอน ค่าใช้จ่ายต่อหน่วยไม่สูงมาก

ข้อดี

-ต้นทุนต่ำกว่าการขนส่งรูปแบบอื่น

-ไม่ต้องกังวลเรื่องดินฟ้าอากาศ

-ค่อนข้างปลอดภัย

-มีความยืดหยุ่นในการขนส่ง

ข้อเสีย

-อาจใช้เวลานานกว่าการขนส่งแบบอื่น

-ตู้บรรทุกสินค้าหรือขบวนรถขนส่งมีน้อยอาจต้องรอนาน

-ต้องใช้งานร่วมกับการขนส่งแบบอื่นไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้เลย

 

3. การขนส่งทางน้ำ

            การขนส่งทางน้ำหรือทางเรือบรรทุกสินค้าเป็นอีกรูปแบบที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะกับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออก สามารถขนสินค้าได้เยอะและหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักร สินค้าทางเคมี อาหารแช่แข็ง สินค้าทางการเกษตร สามารถบริหารจัดการได้ด้วยตัวเองหรือจ้างบริษัทขนส่งดูแลให้ได้

ข้อดี

-สามารถส่งสินค้าไปต่างประเทศได้ครั้งละมากๆ

-มีระบบบริหารจัดการที่สามารถควบคุมได้

-ควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ตามความเหมาะสม

-เลือกขนาดของตู้คอนเทนเนอร์ตามต้องการว่าจะเหมาะตู้หรือแชร์กับผู้อื่น

ข้อเสีย

-หากบริหารจัดการไม่ดีอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเมเติมหรือค่าปรับล่าช้าเกิดขึ้น

-หลายครั้งต้องขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ

 

4. การขนส่งทางอากาศ

          สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการความรวดเร็วมากเป็นพิเศษการขนส่งทางอากาศถือว่าตอบโจทย์มากที่สุดก็ว่าได้ โดยเป็นการส่งสินค้าด้วยเครื่องบินที่เหมาะกับสินค้าที่อาจจะหมดอายุเร็ว มีขนาดไม่ใหญ่มาก อุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือสินค้าที่ต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ รวมถึงขนส่งผู้คนด้วย

ข้อดี

-มีความรวดเร็วกว่าการขนส่งรูปแบบอื่นๆ

-เหมาะกับทั้งการขนส่งภายในประเทศและระหว่างประเทศ

-ควบคุมเวลาได้ค่อนข้างแน่นอน

-ทำรอบขนส่งได้เยอะกว่าแบบอื่น

ข้อเสีย

-มีต้นทุนในการขนส่งมากกว่าแบบอื่น

-ไม่เหมาะกับสินค้าที่มีราคาถูก

-ไม่สามารถขนส่งสินค้าน้ำหนักเยอะๆ ได้

-ต้องใช้ร่วมกับการขนส่งแบบอื่นๆ ในการเข้าถึงปลายทาง

 

5. การขนส่งทางท่อ

            แม้จะยังมีการใช้งานน้อยเมื่อเทียบกับการขนส่งแบบอื่นแต่การขนส่งผ่านท่อก็ถือว่ามีประโยชน์และสะดวกสำหรับสินค้าบางประเภทยกตัวอย่างเช่น สินค้าปิโตรเลียม, น้ำมันดิบ, น้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ และในอนาคตเราจะได้เห็นการขนส่งทางท่อในแบบไฮเปอร์ลูปที่จะช่วยทำให้เดินทางไปถึงที่หมายได้รวดเร็วขึ้นหลายเท่าผ่านยานพาหนะความเร็วสูงภายในท่อโดยมีการทดสอบนำร่องกันไปบ้างแล้วในบางประเทศ

ข้อดี

-ควบคุมปริมาณในการขนส่งแต่ครั้งได้ค่อนข้างแน่นอน

-กำหนดเวลาในการขนส่งได้ตามต้องการ

-ต้นทุนค่าขนส่งและแรงงานต่ำ

-ไม่ต้องกังวลเรื่องดินฟ้าอากาศ

ข้อเสีย

-ยังใช้งานได้กับพื้นที่จำกัด

-ขนส่งสินค้าได้แค่บางประเภทเท่านั้น

-การลงทุนค่อนข้างสูงในระยะแรก

-เส้นทางขนส่งค่อนข้างตายตัว

 

6. การขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์

            รูปแบบสุดท้ายก็คือการขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์ โดยต้องทำร่วมกับการขนส่งแบบอื่นไม่ว่าจะทางเรือ ทางรถบรรทุก ทางเครื่องบิน หรือว่าทางรถไฟ ข้อดีก็คือขนาดของตู้คอนเทนเนอร์นั้นมีให้เลือกหลากหลาย รวมถึงมีตู้หลายแบบเพื่อรองรับสินค้าประเภทต่างๆ ช่วยให้ผู้ประกอบการเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับสินค้าหรืองบประมาณ

ข้อดี

-เลือกขนาดของตู้และรูปแบบการขนส่งได้ตามต้องการ

-ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่าย

-เหมาะกับสินค้าหลายประเภท

-ใช้ได้ทั้งการขนส่งในประเทศและระหว่างประเทศ

ข้อเสีย

-หากบริหารจัดการไม่ดีอาจมีค่าปรับล่าช้าเกิดขึ้น

-ต้องจัดวางสินค้าให้แน่นหนาเพราะอาจเสียหายได้ง่าย

-มีรายละเอียดยิบย่อยที่ต้องศึกษาให้ดีก่อนทำธุรกรรม

BY:FAH

ที่มา:s-siritransport


บทความที่เกี่ยวข้อง
AI + คลังสินค้า = พร้อมลุยยอดขายหลังวันหยุด!
หลังช่วงวันหยุดยาวที่หลายคนเพิ่งรีชาร์จพลังกลับมา โลกธุรกิจกลับไม่มีเวลาพัก! เพราะทันทีที่ปิดท้ายเทศกาล ช่วง “ยอดขายระเบิด” ก็มักจะเริ่มต้นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเคลียร์ของขวัญปีใหม่ สินค้าลดราคาท้ายปี หรือโปรโมชันหลังสงกรานต์ – ระบบคลังสินค้าจึงต้องทำงานอย่างเต็มสปีด!
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
19 เม.ย. 2025
อัปเดตคลังให้ไวหลังหยุดยาว: ระบบ AI ช่วยอะไรได้บ้าง
หลังวันหยุดยาว ไม่ว่าจะเป็นช่วงปีใหม่ สงกรานต์ หรือวันหยุดพิเศษอื่น ๆ สิ่งที่หลายธุรกิจต้องเผชิญเหมือนกันคือ สต๊อกสินค้าไม่ตรงตามจริง, ข้อมูลล่าช้า, และ ความล่าช้าในการบริหารจัดการคลัง ที่อาจนำไปสู่การ “เสียโอกาสทางการขาย” โดยเฉพาะในธุรกิจที่ต้องหมุนสินค้าเร็วอย่าง ค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ หรือโลจิสติกส์
S__2711596.jpg BS&DC SAI5
19 เม.ย. 2025
จาก Call Center สู่ Chatbot AI จองขนส่งง่ายขึ้นใน 3 วิ
ในยุคที่ความรวดเร็วคือหัวใจของธุรกิจ การรอคิวโทรหา Call Center เพื่อจองขนส่งอาจไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดอีกต่อไป วันนี้หลายองค์กรได้เปลี่ยนผ่านสู่การใช้
ร่วมมือ.jpg Contact Center
19 เม.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ