ธุรกิจเล็กก็ใช้เทคโนโลยีโลจิสติกส์ได้ 5 เครื่องมือที่ช่วยให้จัดการง่ายขึ้น
อัพเดทล่าสุด: 8 ก.ย. 2025
237 ผู้เข้าชม

หลายคนมักคิดว่า เทคโนโลยีโลจิสติกส์ เป็นเรื่องใหญ่ ใช้ได้เฉพาะบริษัทขนส่งหรือองค์กรยักษ์เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ธุรกิจเล็กๆ อย่างร้านค้าออนไลน์หรือ SME ก็ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ได้ และยังช่วยลดความวุ่นวาย ประหยัดเวลา และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าอีกด้วย
วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังถึง 5 เครื่องมือที่ธุรกิจเล็กก็ใช้ได้จริง
1. ระบบติดตามสถานะพัสดุ (Tracking System)
เมื่อก่อนลูกค้ามักถามว่า ของถึงไหนแล้วคะ? แต่ปัจจุบันถ้ามีระบบ Tracking ลูกค้าสามารถกดดูเองได้เลย
ข้อดี: ลดงานตอบแชท ลดความกังวลลูกค้า
ทำได้ยังไง: ใช้บริการจากบริษัทขนส่งที่มีระบบ Tracking ให้ หรือถ้าขายหลายช่องทางก็เชื่อมต่อผ่านระบบกลาง เช่น AfterShip, Parcel Perform
2. โปรแกรมจัดการคำสั่งซื้อ (Order Management System: OMS)
ถ้าคุณขายของทั้งใน Shopee, Lazada, TikTok Shop และ Facebook พร้อมๆ กัน การจดใน Excel อาจพลาดง่ายมาก
OMS จะช่วย: รวมทุกออเดอร์ไว้ที่เดียว เช็กได้ว่าลูกค้าสั่งอะไร จ่ายเงินหรือยัง และส่งหรือยัง
เหมาะกับใคร: ร้านที่มีออเดอร์ต่อวันมากกว่า 2030 รายการขึ้นไป
3. แอปพลิเคชันวางแผนเส้นทางส่งของ (Route Optimization App)
สำหรับธุรกิจที่มีการส่งเอง เช่น ร้านอาหารท้องถิ่น หรือร้านขายของที่ส่งด้วยแมสเซนเจอร์ส่วนตัว การจัดเส้นทางเป็นเรื่องปวดหัวมาก
Route Optimization App จะช่วย: วางแผนเส้นทางที่สั้นที่สุด ประหยัดค่าน้ำมัน ลดเวลาส่ง
ตัวอย่าง: Google Maps มีฟังก์ชันสร้างหลายจุดแวะ หรือจะใช้แอปเฉพาะทางอย่าง Circuit, Routific ก็ได้
4. ระบบคลังสินค้าออนไลน์ (Inventory Management System: IMS)
ของหมดสต็อกแล้วลูกค้าสั่งมา ต้องโทรบอก ลูกค้าผิดหวัง เรื่องนี้ใครๆ ก็ไม่อยากเจอ
IMS จะช่วย: รู้จำนวนสต็อกแบบเรียลไทม์ ถ้าของใกล้หมด ระบบแจ้งเตือนทันที
ประโยชน์: ป้องกันการขายเกินสต็อก (Oversell) และยังช่วยวางแผนสั่งของล่วงหน้า
5. ระบบชำระเงินและออกเอกสารอัตโนมัติ
เรื่องเล็กๆ ที่หลายธุรกิจมองข้ามคือ การทำใบเสร็จ ใบกำกับภาษี หรือการแจ้งชำระเงินลูกค้า
เครื่องมือที่ช่วย:
ระบบชำระเงินออนไลน์ เช่น QR PromptPay, Paypal, Stripe
โปรแกรมออกเอกสารอัตโนมัติ เช่น FlowAccount, Peak Account ที่ใช้ง่ายสำหรับ SME
สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจดู เป็นมืออาชีพ มากขึ้น แม้จะเป็นร้านเล็กก็ตาม
เคสจริง: ร้านเบเกอรี่เล็กๆ ที่ใช้เทคโนโลยี
ร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ขายผ่าน Facebook และ Line OA พอเริ่มมีออเดอร์วันละ 50100 กล่อง เจ้าของแทบไม่มีเวลาทำขนม เพราะมัวแต่นั่งตอบลูกค้าและจัดการออเดอร์
พอเขาเริ่มใช้ OMS + ระบบ Tracking ของขนส่ง ลูกค้าก็ดูสถานะเองได้ แถมเจ้าของร้านมีเวลาไปคิดเมนูใหม่ๆ สุดท้ายยอดขายโตขึ้น เพราะสามารถจัดการงานซ้ำซ้อนได้ง่ายขึ้น
สรุป
ธุรกิจเล็กไม่จำเป็นต้องใหญ่ก่อน ถึงจะใช้เทคโนโลยีโลจิสติกส์ได้ ทุกวันนี้มีเครื่องมือออนไลน์ที่ราคาไม่สูง หรือบางอย่างใช้ฟรีด้วยซ้ำ
Tracking ช่วยลดงานตอบลูกค้า
OMS รวมทุกออเดอร์ไว้ในที่เดียว
Route Optimization ประหยัดค่าน้ำมัน
IMS จัดการสต็อกแม่นยำ
ระบบชำระเงิน/เอกสาร ทำให้ธุรกิจดูน่าเชื่อถือ
ทั้งหมดนี้ทำให้ธุรกิจเล็กๆ ทำงานแบบมืออาชีพ และพร้อมแข่งขันในตลาดออนไลน์ที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก
วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังถึง 5 เครื่องมือที่ธุรกิจเล็กก็ใช้ได้จริง
1. ระบบติดตามสถานะพัสดุ (Tracking System)
เมื่อก่อนลูกค้ามักถามว่า ของถึงไหนแล้วคะ? แต่ปัจจุบันถ้ามีระบบ Tracking ลูกค้าสามารถกดดูเองได้เลย
ข้อดี: ลดงานตอบแชท ลดความกังวลลูกค้า
ทำได้ยังไง: ใช้บริการจากบริษัทขนส่งที่มีระบบ Tracking ให้ หรือถ้าขายหลายช่องทางก็เชื่อมต่อผ่านระบบกลาง เช่น AfterShip, Parcel Perform
2. โปรแกรมจัดการคำสั่งซื้อ (Order Management System: OMS)
ถ้าคุณขายของทั้งใน Shopee, Lazada, TikTok Shop และ Facebook พร้อมๆ กัน การจดใน Excel อาจพลาดง่ายมาก
OMS จะช่วย: รวมทุกออเดอร์ไว้ที่เดียว เช็กได้ว่าลูกค้าสั่งอะไร จ่ายเงินหรือยัง และส่งหรือยัง
เหมาะกับใคร: ร้านที่มีออเดอร์ต่อวันมากกว่า 2030 รายการขึ้นไป
3. แอปพลิเคชันวางแผนเส้นทางส่งของ (Route Optimization App)
สำหรับธุรกิจที่มีการส่งเอง เช่น ร้านอาหารท้องถิ่น หรือร้านขายของที่ส่งด้วยแมสเซนเจอร์ส่วนตัว การจัดเส้นทางเป็นเรื่องปวดหัวมาก
Route Optimization App จะช่วย: วางแผนเส้นทางที่สั้นที่สุด ประหยัดค่าน้ำมัน ลดเวลาส่ง
ตัวอย่าง: Google Maps มีฟังก์ชันสร้างหลายจุดแวะ หรือจะใช้แอปเฉพาะทางอย่าง Circuit, Routific ก็ได้
4. ระบบคลังสินค้าออนไลน์ (Inventory Management System: IMS)
ของหมดสต็อกแล้วลูกค้าสั่งมา ต้องโทรบอก ลูกค้าผิดหวัง เรื่องนี้ใครๆ ก็ไม่อยากเจอ
IMS จะช่วย: รู้จำนวนสต็อกแบบเรียลไทม์ ถ้าของใกล้หมด ระบบแจ้งเตือนทันที
ประโยชน์: ป้องกันการขายเกินสต็อก (Oversell) และยังช่วยวางแผนสั่งของล่วงหน้า
5. ระบบชำระเงินและออกเอกสารอัตโนมัติ
เรื่องเล็กๆ ที่หลายธุรกิจมองข้ามคือ การทำใบเสร็จ ใบกำกับภาษี หรือการแจ้งชำระเงินลูกค้า
เครื่องมือที่ช่วย:
ระบบชำระเงินออนไลน์ เช่น QR PromptPay, Paypal, Stripe
โปรแกรมออกเอกสารอัตโนมัติ เช่น FlowAccount, Peak Account ที่ใช้ง่ายสำหรับ SME
สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจดู เป็นมืออาชีพ มากขึ้น แม้จะเป็นร้านเล็กก็ตาม
เคสจริง: ร้านเบเกอรี่เล็กๆ ที่ใช้เทคโนโลยี
ร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ขายผ่าน Facebook และ Line OA พอเริ่มมีออเดอร์วันละ 50100 กล่อง เจ้าของแทบไม่มีเวลาทำขนม เพราะมัวแต่นั่งตอบลูกค้าและจัดการออเดอร์
พอเขาเริ่มใช้ OMS + ระบบ Tracking ของขนส่ง ลูกค้าก็ดูสถานะเองได้ แถมเจ้าของร้านมีเวลาไปคิดเมนูใหม่ๆ สุดท้ายยอดขายโตขึ้น เพราะสามารถจัดการงานซ้ำซ้อนได้ง่ายขึ้น
สรุป
ธุรกิจเล็กไม่จำเป็นต้องใหญ่ก่อน ถึงจะใช้เทคโนโลยีโลจิสติกส์ได้ ทุกวันนี้มีเครื่องมือออนไลน์ที่ราคาไม่สูง หรือบางอย่างใช้ฟรีด้วยซ้ำ
Tracking ช่วยลดงานตอบลูกค้า
OMS รวมทุกออเดอร์ไว้ในที่เดียว
Route Optimization ประหยัดค่าน้ำมัน
IMS จัดการสต็อกแม่นยำ
ระบบชำระเงิน/เอกสาร ทำให้ธุรกิจดูน่าเชื่อถือ
ทั้งหมดนี้ทำให้ธุรกิจเล็กๆ ทำงานแบบมืออาชีพ และพร้อมแข่งขันในตลาดออนไลน์ที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก
บทความที่เกี่ยวข้อง
กล่องเท่ากัน แต่ทำไมราคาต่างกันฟ้ากับเหว?
เคยไหมครับ? ถือกล่องพัสดุใบเดิม ไปส่งที่ขนส่งเจ้าสีแดง ราคา 50 บาท พอไปอีกเจ้าสีส้ม ราคา 80 บาท แต่พอไปส่งขนส่งรถสิบล้อ ราคาเหลือแค่ 40 บาท!
หลายคนคิดว่าการตั้งราคาค่าส่งเป็นเรื่องของการตลาด (ใครจัดโปรฯ ถูกกว่าก็ชนะ) แต่ความจริงแล้ว เบื้องหลังตัวเลขเหล่านั้นมี "สมการคณิตศาสตร์" ซ่อนอยู่ครับ
วันนี้ BS Express จะมา "แบไต๋" โครงสร้างราคาขนส่งแบบหมดเปลือก เพื่อให้คุณเข้าใจว่าเงินที่คุณจ่ายไป ถูกนำไปคำนวณจากอะไรบ้าง และจะเลือกขนส่งแบบไหนให้ประหยัดเงินในกระเป๋าที่สุด!
27 ธ.ค. 2025
จรรยาบรรณวิชาชีพขนส่ง: กุญแจสำคัญสู่ความเชื่อมั่นและการบริการที่ยั่งยืน
27 ธ.ค. 2025
แปะป้าย "ระวังแตก" แล้วทำไมของยังพัง? เผยเทคนิคการแปะสติ๊กเกอร์ Fragile / ห้ามโยน ที่ถูกต้อง แปะตรงไหนให้พนักงานขนส่งเห็นชัดที่สุด 360 องศา ลดโอกาสความเสียหายได้จริง
27 ธ.ค. 2025
BANKKUNG


