ธุรกิจเล็กก็ใช้เทคโนโลยีโลจิสติกส์ได้ 5 เครื่องมือที่ช่วยให้จัดการง่ายขึ้น
อัพเดทล่าสุด: 8 ก.ย. 2025
9 ผู้เข้าชม
หลายคนมักคิดว่า เทคโนโลยีโลจิสติกส์ เป็นเรื่องใหญ่ ใช้ได้เฉพาะบริษัทขนส่งหรือองค์กรยักษ์เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ธุรกิจเล็กๆ อย่างร้านค้าออนไลน์หรือ SME ก็ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ได้ และยังช่วยลดความวุ่นวาย ประหยัดเวลา และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าอีกด้วย
วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังถึง 5 เครื่องมือที่ธุรกิจเล็กก็ใช้ได้จริง
1. ระบบติดตามสถานะพัสดุ (Tracking System)
เมื่อก่อนลูกค้ามักถามว่า ของถึงไหนแล้วคะ? แต่ปัจจุบันถ้ามีระบบ Tracking ลูกค้าสามารถกดดูเองได้เลย
ข้อดี: ลดงานตอบแชท ลดความกังวลลูกค้า
ทำได้ยังไง: ใช้บริการจากบริษัทขนส่งที่มีระบบ Tracking ให้ หรือถ้าขายหลายช่องทางก็เชื่อมต่อผ่านระบบกลาง เช่น AfterShip, Parcel Perform
2. โปรแกรมจัดการคำสั่งซื้อ (Order Management System: OMS)
ถ้าคุณขายของทั้งใน Shopee, Lazada, TikTok Shop และ Facebook พร้อมๆ กัน การจดใน Excel อาจพลาดง่ายมาก
OMS จะช่วย: รวมทุกออเดอร์ไว้ที่เดียว เช็กได้ว่าลูกค้าสั่งอะไร จ่ายเงินหรือยัง และส่งหรือยัง
เหมาะกับใคร: ร้านที่มีออเดอร์ต่อวันมากกว่า 2030 รายการขึ้นไป
3. แอปพลิเคชันวางแผนเส้นทางส่งของ (Route Optimization App)
สำหรับธุรกิจที่มีการส่งเอง เช่น ร้านอาหารท้องถิ่น หรือร้านขายของที่ส่งด้วยแมสเซนเจอร์ส่วนตัว การจัดเส้นทางเป็นเรื่องปวดหัวมาก
Route Optimization App จะช่วย: วางแผนเส้นทางที่สั้นที่สุด ประหยัดค่าน้ำมัน ลดเวลาส่ง
ตัวอย่าง: Google Maps มีฟังก์ชันสร้างหลายจุดแวะ หรือจะใช้แอปเฉพาะทางอย่าง Circuit, Routific ก็ได้
4. ระบบคลังสินค้าออนไลน์ (Inventory Management System: IMS)
ของหมดสต็อกแล้วลูกค้าสั่งมา ต้องโทรบอก ลูกค้าผิดหวัง เรื่องนี้ใครๆ ก็ไม่อยากเจอ
IMS จะช่วย: รู้จำนวนสต็อกแบบเรียลไทม์ ถ้าของใกล้หมด ระบบแจ้งเตือนทันที
ประโยชน์: ป้องกันการขายเกินสต็อก (Oversell) และยังช่วยวางแผนสั่งของล่วงหน้า
5. ระบบชำระเงินและออกเอกสารอัตโนมัติ
เรื่องเล็กๆ ที่หลายธุรกิจมองข้ามคือ การทำใบเสร็จ ใบกำกับภาษี หรือการแจ้งชำระเงินลูกค้า
เครื่องมือที่ช่วย:
ระบบชำระเงินออนไลน์ เช่น QR PromptPay, Paypal, Stripe
โปรแกรมออกเอกสารอัตโนมัติ เช่น FlowAccount, Peak Account ที่ใช้ง่ายสำหรับ SME
สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจดู เป็นมืออาชีพ มากขึ้น แม้จะเป็นร้านเล็กก็ตาม
เคสจริง: ร้านเบเกอรี่เล็กๆ ที่ใช้เทคโนโลยี
ร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ขายผ่าน Facebook และ Line OA พอเริ่มมีออเดอร์วันละ 50100 กล่อง เจ้าของแทบไม่มีเวลาทำขนม เพราะมัวแต่นั่งตอบลูกค้าและจัดการออเดอร์
พอเขาเริ่มใช้ OMS + ระบบ Tracking ของขนส่ง ลูกค้าก็ดูสถานะเองได้ แถมเจ้าของร้านมีเวลาไปคิดเมนูใหม่ๆ สุดท้ายยอดขายโตขึ้น เพราะสามารถจัดการงานซ้ำซ้อนได้ง่ายขึ้น
สรุป
ธุรกิจเล็กไม่จำเป็นต้องใหญ่ก่อน ถึงจะใช้เทคโนโลยีโลจิสติกส์ได้ ทุกวันนี้มีเครื่องมือออนไลน์ที่ราคาไม่สูง หรือบางอย่างใช้ฟรีด้วยซ้ำ
Tracking ช่วยลดงานตอบลูกค้า
OMS รวมทุกออเดอร์ไว้ในที่เดียว
Route Optimization ประหยัดค่าน้ำมัน
IMS จัดการสต็อกแม่นยำ
ระบบชำระเงิน/เอกสาร ทำให้ธุรกิจดูน่าเชื่อถือ
ทั้งหมดนี้ทำให้ธุรกิจเล็กๆ ทำงานแบบมืออาชีพ และพร้อมแข่งขันในตลาดออนไลน์ที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก
วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังถึง 5 เครื่องมือที่ธุรกิจเล็กก็ใช้ได้จริง
1. ระบบติดตามสถานะพัสดุ (Tracking System)
เมื่อก่อนลูกค้ามักถามว่า ของถึงไหนแล้วคะ? แต่ปัจจุบันถ้ามีระบบ Tracking ลูกค้าสามารถกดดูเองได้เลย
ข้อดี: ลดงานตอบแชท ลดความกังวลลูกค้า
ทำได้ยังไง: ใช้บริการจากบริษัทขนส่งที่มีระบบ Tracking ให้ หรือถ้าขายหลายช่องทางก็เชื่อมต่อผ่านระบบกลาง เช่น AfterShip, Parcel Perform
2. โปรแกรมจัดการคำสั่งซื้อ (Order Management System: OMS)
ถ้าคุณขายของทั้งใน Shopee, Lazada, TikTok Shop และ Facebook พร้อมๆ กัน การจดใน Excel อาจพลาดง่ายมาก
OMS จะช่วย: รวมทุกออเดอร์ไว้ที่เดียว เช็กได้ว่าลูกค้าสั่งอะไร จ่ายเงินหรือยัง และส่งหรือยัง
เหมาะกับใคร: ร้านที่มีออเดอร์ต่อวันมากกว่า 2030 รายการขึ้นไป
3. แอปพลิเคชันวางแผนเส้นทางส่งของ (Route Optimization App)
สำหรับธุรกิจที่มีการส่งเอง เช่น ร้านอาหารท้องถิ่น หรือร้านขายของที่ส่งด้วยแมสเซนเจอร์ส่วนตัว การจัดเส้นทางเป็นเรื่องปวดหัวมาก
Route Optimization App จะช่วย: วางแผนเส้นทางที่สั้นที่สุด ประหยัดค่าน้ำมัน ลดเวลาส่ง
ตัวอย่าง: Google Maps มีฟังก์ชันสร้างหลายจุดแวะ หรือจะใช้แอปเฉพาะทางอย่าง Circuit, Routific ก็ได้
4. ระบบคลังสินค้าออนไลน์ (Inventory Management System: IMS)
ของหมดสต็อกแล้วลูกค้าสั่งมา ต้องโทรบอก ลูกค้าผิดหวัง เรื่องนี้ใครๆ ก็ไม่อยากเจอ
IMS จะช่วย: รู้จำนวนสต็อกแบบเรียลไทม์ ถ้าของใกล้หมด ระบบแจ้งเตือนทันที
ประโยชน์: ป้องกันการขายเกินสต็อก (Oversell) และยังช่วยวางแผนสั่งของล่วงหน้า
5. ระบบชำระเงินและออกเอกสารอัตโนมัติ
เรื่องเล็กๆ ที่หลายธุรกิจมองข้ามคือ การทำใบเสร็จ ใบกำกับภาษี หรือการแจ้งชำระเงินลูกค้า
เครื่องมือที่ช่วย:
ระบบชำระเงินออนไลน์ เช่น QR PromptPay, Paypal, Stripe
โปรแกรมออกเอกสารอัตโนมัติ เช่น FlowAccount, Peak Account ที่ใช้ง่ายสำหรับ SME
สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจดู เป็นมืออาชีพ มากขึ้น แม้จะเป็นร้านเล็กก็ตาม
เคสจริง: ร้านเบเกอรี่เล็กๆ ที่ใช้เทคโนโลยี
ร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ขายผ่าน Facebook และ Line OA พอเริ่มมีออเดอร์วันละ 50100 กล่อง เจ้าของแทบไม่มีเวลาทำขนม เพราะมัวแต่นั่งตอบลูกค้าและจัดการออเดอร์
พอเขาเริ่มใช้ OMS + ระบบ Tracking ของขนส่ง ลูกค้าก็ดูสถานะเองได้ แถมเจ้าของร้านมีเวลาไปคิดเมนูใหม่ๆ สุดท้ายยอดขายโตขึ้น เพราะสามารถจัดการงานซ้ำซ้อนได้ง่ายขึ้น
สรุป
ธุรกิจเล็กไม่จำเป็นต้องใหญ่ก่อน ถึงจะใช้เทคโนโลยีโลจิสติกส์ได้ ทุกวันนี้มีเครื่องมือออนไลน์ที่ราคาไม่สูง หรือบางอย่างใช้ฟรีด้วยซ้ำ
Tracking ช่วยลดงานตอบลูกค้า
OMS รวมทุกออเดอร์ไว้ในที่เดียว
Route Optimization ประหยัดค่าน้ำมัน
IMS จัดการสต็อกแม่นยำ
ระบบชำระเงิน/เอกสาร ทำให้ธุรกิจดูน่าเชื่อถือ
ทั้งหมดนี้ทำให้ธุรกิจเล็กๆ ทำงานแบบมืออาชีพ และพร้อมแข่งขันในตลาดออนไลน์ที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก
บทความที่เกี่ยวข้อง
ในยุคที่ร้านรับ-ส่งพัสดุมีการแข่งขันที่สูงมาก การพึ่งพารายได้จากส่วนแบ่งค่าขนส่งเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
8 ก.ย. 2025
จะดีแค่ไหนถ้าคุณสามารถมี "ป้ายบิลบอร์ดโฆษณา" ของตัวเอง ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดในโลกดิจิทัลอย่างหน้าผลการค้นหาของ Google และ Google Maps ได้แบบ ฟรีๆ?
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่ามีเครื่องมือที่ทรงพลังและถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดายซ่อนอยู่ใน Google Business Profile ของคุณ นั่นคือ "Google Posts" ซึ่งเปรียบเสมือนโซเชียลมีเดียย่อมๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถสื่อสารโปรโมชั่น, ข่าวสาร, และกิจกรรมต่างๆ ไปยังลูกค้าที่กำลังค้นหาธุรกิจของคุณได้โดยตรง บทความนี้คือคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่จะสอนให้คุณใช้เครื่องมือนี้ได้อย่างมืออาชีพ
8 ก.ย. 2025