Counter-Positioning การสร้างจุดยืนที่แตกต่าง เพื่อเอาชนะคู่แข่ง
อัพเดทล่าสุด: 8 ม.ค. 2025
497 ผู้เข้าชม

Counter-Positioning การสร้างจุดยืนที่แตกต่าง เพื่อเอาชนะคู่แข่ง
Counter-Positioning หรือ การวางตำแหน่งตรงข้าม เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ชาญฉลาด ซึ่งแบรนด์จะสร้างจุดยืนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากคู่แข่งในตลาดเดียวกัน โดยเน้นย้ำคุณสมบัติหรือประโยชน์ที่คู่แข่งไม่มีหรือไม่ได้เน้นมากนัก
ทำไมต้อง Counter-Positioning?
- โดดเด่นจากคู่แข่ง: ในตลาดที่เต็มไปด้วยคู่แข่ง การสร้างความแตกต่างคือกุญแจสำคัญในการดึงดูดลูกค้า
- ตอบสนองความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง: บางครั้งผู้บริโภคกำลังมองหาสิ่งใหม่ที่แตกต่างออกไป
- สร้างกลุ่มลูกค้าใหม่: การสร้างจุดยืนที่แตกต่างอาจดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่คู่แข่งยังเข้าถึงไม่ได้
ตัวอย่าง Counter-Positioning
- สายการบิน: สายการบินบางแห่งเน้นความหรูหราและบริการที่เหนือกว่า (เช่น First Class) ในขณะที่สายการบินอื่นๆ อาจเน้นราคาประหยัดและความสะดวกสบาย
- รถยนต์: รถยนต์บางรุ่นเน้นสมรรถนะและความเร็ว ในขณะที่บางรุ่นเน้นความปลอดภัยและประหยัดน้ำมัน
- เครื่องดื่ม: เครื่องดื่มบางชนิดเน้นรสชาติหวานและซ่า ในขณะที่บางชนิดเน้นรสชาติขมและสุขภาพ
วิธีการทำ Counter-Positioning
- วิเคราะห์คู่แข่ง: ศึกษาจุดแข็ง จุดอ่อน และกลยุทธ์ของคู่แข่งอย่างละเอียด
- ค้นหาช่องว่างในตลาด: หาสิ่งที่คู่แข่งยังไม่ได้ทำหรือทำได้ไม่ดี
- สร้างคุณค่าที่แตกต่าง: กำหนดคุณค่าที่แบรนด์จะมอบให้กับลูกค้า ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน
- สื่อสารอย่างชัดเจน: สื่อสารจุดยืนที่แตกต่างนี้ให้ลูกค้าเข้าใจอย่างง่ายดาย
ข้อดีของ Counter-Positioning
- สร้างความจดจำ: ทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำได้ง่ายขึ้น
- สร้างความภักดีต่อแบรนด์: ลูกค้าจะรู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจความต้องการของพวกเขาได้ดี
- ลดความเสี่ยงจากการแข่งขัน: การอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างจะทำให้แบรนด์ไม่ต้องแข่งขันโดยตรงกับคู่แข่งรายใหญ่
ข้อควรระวัง
- ต้องมีความแตกต่างที่ชัดเจน: หากความแตกต่างไม่ชัดเจน ลูกค้าอาจจะสับสน
- ต้องสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์: จุดยืนที่แตกต่างต้องสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์
- ต้องสื่อสารอย่างต่อเนื่อง: การสื่อสารจุดยืนที่แตกต่างต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลูกค้าจดจำ
สรุป
Counter-Positioning เป็นกลยุทธ์ที่ทรงพลังในการสร้างความแตกต่างและสร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การเข้าใจและนำกลยุทธ์นี้ไปใช้ จะช่วยให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นและประสบความสำเร็จได้
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
ในโลกของการแข่งขัน B2B (Business-to-Business) ที่ดุเดือด "เวลา" คือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของทีมขาย แต่บ่อยครั้งแค่ไหนที่ทีมขายระดับท็อปของคุณต้องหมดเวลาไปกับการไล่ตาม Lead ที่ยังไม่พร้อม, การส่งอีเมล Follow-up ซ้ำๆ, หรือการคัดกรองข้อมูลลูกค้าด้วยมือ?
24 ต.ค. 2025
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงลิ่ว และพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว วงการขาย (Sales) กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ การพึ่งพาวิธีการแบบดั้งเดิม เช่น การโทรหาลูกค้าดื้อๆ (Cold Calling) หรือการใช้สัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพออีกต่อไป
22 ต.ค. 2025
ในยุคที่สินค้ามีความคล้ายคลึงกันและราคาเข้าถึงได้ง่าย การแข่งขันในตลาดไม่ได้วัดกันแค่ที่ตัวผลิตภัณฑ์อีกต่อไปแล้ว แต่มาตรวัดใหม่คือ "ประสบการณ์" ที่ลูกค้าได้รับ ธุรกิจบริการ (Service Business) จึงก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหัวใจของการบริการคือการส่งมอบสิ่งที่ "จับต้องไม่ได้" แต่ทรงพลังที่สุด นั่นคือความรู้สึก ความประทับใจ และความผูกพันต่อแบรนด์ นี่คือจุดที่ Service Marketing หรือ การตลาดบริการ เข้ามาพลิกเกม เปลี่ยนจากการมองว่าแค่ "ส่งของ" ให้เป็น "การส่งต่อประสบการณ์" อันน่าจดจำ แล้วอะไรคือเคล็ดลับเบื้องหลังความสำเร็จนี้?
21 ต.ค. 2025
BANKKUNG

Contact Center


ใบบัว ( นักศึกษาฝึกงาน )