แชร์

Passive income กับ Active income เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

อัพเดทล่าสุด: 24 ต.ค. 2024
499 ผู้เข้าชม

รายได้แบบ Passive Income กับ Active Income: แตกต่างกันอย่างไร?

    รายได้แบบ Passive Income (รายได้แบบไม่ต้องลงแรง) และ Active Income (รายได้แบบต้องลงแรง) เป็นสองรูปแบบของรายได้ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ

รายได้แบบ Active Income (รายได้แบบต้องลงแรง)

ความหมาย: คือรายได้ที่ได้มาจากการทำงานโดยตรง เช่น การทำงานประจำ, การทำธุรกิจส่วนตัวที่ต้องลงแรงในการทำงานประจำวัน, หรือการให้บริการต่างๆ ที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม

ลักษณะ

  • ต้องใช้เวลาและแรงกายแรงใจในการทำงาน
  • รายได้จะหยุดเมื่อหยุดทำงาน
  • ตัวอย่าง: เงินเดือนประจำ, ค่าคอมมิชชั่นจากการขายสินค้า, ค่าจ้างรายวัน

ข้อดี

  • ได้รับรายได้อย่างสม่ำเสมอ
  • พัฒนาตนเองได้จากการทำงาน
  • มีความมั่นคงในรายได้ (ในบางกรณี)

ข้อเสีย

  • ต้องใช้เวลาและแรงกายแรงใจในการทำงานอย่างต่อเนื่อง
  • รายได้จำกัดอยู่กับเวลาที่ทำงาน
  • หากหยุดทำงาน รายได้ก็จะหายไป

รายได้แบบ Passive Income (รายได้แบบไม่ต้องลงแรง)

ความหมาย: คือรายได้ที่ได้มาจากทรัพย์สินหรือระบบที่สร้างขึ้นมา โดยไม่ต้องลงแรงทำงานประจำวัน

ลักษณะ

  • ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการทำงานประจำวัน
  • รายได้ยังคงมีเข้ามาแม้จะไม่ได้ทำงาน
  • ตัวอย่าง: ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์, ดอกเบี้ยเงินฝาก, รายได้จากการลงทุนในหุ้น, รายได้จากการขายสินค้าออนไลน์แบบ dropshipping

ข้อดี

  • สร้างความมั่งคั่งในระยะยาว
  • มีอิสระทางเวลา
  • ไม่จำเป็นต้องแลกกับเวลาในการทำงาน

ข้อเสีย

  • ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้น
  • ต้องใช้เวลาในการสร้างระบบ
  • มีความเสี่ยงในการลงทุน

การสร้างรายได้แบบ Passive Income เป็นเป้าหมายของหลายๆ คน เนื่องจากช่วยให้อิสระทางเวลาและสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การสร้างรายได้แบบ Passive Income ต้องใช้ความรู้และการวางแผนที่ดี

คำแนะนำ

  • ศึกษาหาความรู้: ก่อนเริ่มต้นลงทุนในรายได้แบบ Passive Income ควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนประเภทต่างๆ ให้ละเอียด
  • วางแผนการเงิน: กำหนดงบประมาณและเป้าหมายในการสร้างรายได้
  • เริ่มต้นจากน้อยๆ: เริ่มต้นลงทุนในจำนวนเงินที่สามารถรับความเสี่ยงได้สร้างความหลากหลาย: กระจายการลงทุนไปในหลายๆ ช่องทางเพื่อลดความเสี่ยง





BY: MANthi

ที่มา: Gemini


บทความที่เกี่ยวข้อง
เทรนด์ธุรกิจ 2025: ทำไมแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุถึงน่าลงทุนที่สุดในยุคนี้
ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การมองหาโอกาสทางธุรกิจที่มั่นคงและมีแนวโน้มเติบโตสูงคือเป้าหมายสำคัญของนักลงทุน ในปี 2025 ที่กำลังจะมาถึง มีธุรกิจหนึ่งที่โดดเด่นและน่าจับตามองเป็นพิเศษ นั่นคือ "แฟรนไชส์ขนส่งพัสดุ" ซึ่งได้รับอานิสงส์โดยตรงจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) และพฤติกรรมการซื้อขายออนไลน์ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว แต่เหตุใดการลงทุนในโมเดลแฟรนไชส์จึงเป็นคำตอบที่ใช่ที่สุดในสมรภูมินี้? บล็อกนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงเหตุผลที่ทำให้แฟรนไชส์ขนส่งพัสดุกลายเป็นดาวเด่นแห่งการลงทุนแห่งปี 2025
ร่วมมือ.jpg Contact Center
27 ส.ค. 2025
เปลี่ยนเรื่องยุ่งให้เป็นเรื่องง่าย แค่ปลายนิ้ว! บริการรับพัสดุที่บ้านคืออะไร? เหมาะกับใครบ้าง?
ในยุคที่ทุกวินาทีมีค่า การจัดการเวลาให้มีประสิทธิภาพคือหัวใจสำคัญของการใช้ชีวิต ลองจินตนาการถึงวันที่คุณต้องแพ็คของ เตรียมส่งให้ลูกค้าหรือคนสำคัญ แต่กลับต้องเผชิญกับสารพัดอุปสรรค ทั้งการฝ่ารถติดเพื่อเดินทางไปยังสาขาบริษัทขนส่ง การวนหาที่จอดรถที่ดูเหมือนจะเต็มตลอดเวลา และการต่อคิวรอที่ยาวเหยียด ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะเสียเวลา แต่ยังบั่นทอนพลังงานและทำให้เรื่องง่ายๆ กลายเป็นเรื่องยุ่งยากไปในทันที แต่จะดีกว่าไหม? ถ้าเราสามารถตัดขั้นตอนที่วุ่นวายเหล่านี้ทิ้งไปได้ทั้งหมด และจัดการทุกอย่างให้จบได้ง่ายๆ จากที่บ้านของคุณเอง วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ "บริการรับพัสดุถึงหน้าบ้าน" ฮีโร่ที่จะมาเปลี่ยนประสบการณ์การส่งของของคุณให้ง่ายดั่งใจนึก
ร่วมมือ.jpg Contact Center
20 ส.ค. 2025
ไม่ใช่แค่ส่งของ! บริการรับพัสดุถึงออฟฟิศช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ธุรกิจคุณได้อย่างไร?
หลายคนอาจมองว่าบริการรับพัสดุถึงออฟฟิศเป็นเพียง "ความสะดวกสบาย" แต่บทความนี้จะชี้ให้เห็นว่ามันคือ "เครื่องมือทางกลยุทธ์" ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ธุรกิจของคุณได้อย่างไรบ้าง
ร่วมมือ.jpg Contact Center
13 ส.ค. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ